“คนไร้บ้าน ถูกทาบทาม 100%” สมบัติ ยก ปัญหาบัญชีม้าสนามหลวง ในวันที่อาชญากรทำงาน 24 ชั่วโมง

“คนไร้บ้าน ถูกทาบทาม 100%” สมบัติ ยก ปัญหาบัญชีม้าสนามหลวง ในวันที่อาชญากรทำงาน 24 ชั่วโมง

“คุณไชยชนก คนภูมิใจไทย คุณจับประเด็นนี้ได้ (บัญชีม้าคนไร้บ้าน) คุณได้คะแนน กดแXงให้มิด” ในวันที่ สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมวิเคราะห์หน้าตา ครม. อนุทิน ผ่านรายการ TODAY LIVE เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน 

 

ไม่แปลกที่ความเห็นหนึ่งจะชิ่งไปโดน ‘หัวเรือกระทรวงดีอีฯ’ ด้วยหมวกของการเป็น ผู้อำนวยการมูลนิธิกระจกเงา ที่ทำงาน และเป็นปากเสียงให้ ‘คนไร้บ้าน’ มาอย่างยาวนาน แต่กลับออกปาก “สิ้นหวัง” กับการจัดการปัญหาบัญชีม้า ที่เกี่ยวข้องกับคนไร้บ้าน ด้วยข้อจำกัดของระบบ ที่ยังอยู่บนพื้นฐานให้ประชาชน วิ่งเข้าหาและป้องกันตัวเอง

[ 100% ถูกทาบทาม รบเร้า ให้ร่วมขบวนการ ]

‘ราคามาตรฐาน 500 บาท’ อาจถูกมองเป็นเรื่องได้ไม่คุ้มเสีย ทว่า สำหรับคนไร้บ้านจำนวนมาก ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เงินจำนวนนี้นำพาให้เข้าสู่ขบวนการนักต่อนักแล้ว

สมบัติ เล่าว่า ตามสถิติที่คนไร้บ้าน ที่เข้าไปอยู่ในเครือข่ายนี้ มีโอกาสถือบัญชีได้ถึง 7 บัญชี เมื่อคิดตามตัวเลขความเสียหาย ที่หนึ่งบัญชีม้า มีธุรกรรมเกี่ยวข้อง 4 เส้นทาง ปริมาณความเสียหายจากกลุ่มก้อนนี้จึงยิ่งไม่ควรถูกมองข้าม

“ไม่มีระบบเช็ก เราต้องติดต่อไปทุกธนาคาร แล้วให้ธนาคารตอบจดหมายกลับมา แล้วคนไร้บ้านอยู่ สนามหลวง 700 กว่าคนครับ… ผมคิดว่าประเทศนี้มีระบบ พร้อมเพย์ยังโอนกันมาได้”

สมบัติ เล่าถึงครั้งที่เข้าได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยตรง และได้รับคำยืนยันว่า รัฐไม่มีฐานข้อมูลกลางว่า คนคนหนึ่งที่มีเลขประจำตัว 13 หลัก ถือบัญชีธนาคารใดบ้าง เพราะเป็นสิ่งที่แต่ละธนาคาร จะถือข้อมูลลูกค้าแยกกัน

นี่เองทำให้ในวันที่ มูลนิธิกระจกเงา เข้าช่วยเหลือคนไร้บ้านสักคนหนึ่ง พวกเขาอาจต้องไล่ถามไปทีละธนาคาร ถึงจะรวบรวมข้อมูลชุดนี้ได้  ทั้งนี้ สมบัติ แสดงความเห็นว่า ‘ระบบเซิร์ฟเวอร์กลาง’ สำหรับการการสร้างฐานข้อมูลบัญชี โดยที่ไม่ได้แตะต้องธุรกรรมของบัญชีนั้นๆ อาจเป็นหนทางหนึ่งที่รัฐควรลงทุนหรือไม่

“ทำไมพร้อมเพย์จ่ายเงินข้ามธนาคารได้  เพราะสมาคมธนาคารไทย มีระบบเซิร์ฟเวอร์กลาง ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง คุณก็แค่เขียนซอฟต์แวร์เชื่อมต่อเอพีไอ แล้วดึงเฉพาะเลขบัญชี ว่าคนเลข 13 หลักนี้ มีบัญชีอยู่ที่ธนาคารไหน เลขที่บัญชีอะไร เอาแค่นั้นพอ”

สมบัติ ยังกล่าวว่า การรอลงโทษทางกฎหมายที่ปลายทาง อาจไม่ได้แก้ปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มคนไร้บ้าน ที่มีโอกาสกระทำผิดซ้ำ ด้วยปัจจัยแวดล้อมหลายประการ

“ผมมีคดีตัวอย่างที่เคยช่วย เรื่องถึงศาลจนสามารถประนีประนอมได้ มีคำสั่งคำพิพากษา ให้ชดใช้เรียบร้อย ว่ารับมา 500 บาท ผู้เสียหายโดน 200,000 บาท ศาลสั่งลงมาที่ 54,000 บาท ทำงานโอนให้ครบจะครบอยู่แล้ว อีกสองงวด ปรากฏว่ามามีคดีใหม่ ไม่จบ” สมบัติเล่า

“คนไร้บ้านที่อยู่ในสนามหลวง ถูกทาบทาม รบเร้า 100% นะ ส่วนจะเปิดหรือเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง แล้วคุณไม่หาทางบล็อกบัญชีพวกนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อสังคม”

[ บัญชีม้า ณ สนามหลวง คืออะไร ]

เท้าความกลับไป ในขณะที่สังคมกำลังโจมตีขั้นตอนกำจัดบัญชีม้าของ ธปท. ที่ร่วมกับกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกวาดเอา ‘ผู้บริสุทธิ์’ เข้าถึงแรกมากเกิน จนกระทบต่อการดำรงชีพนั้น

เฟซบุ๊กส่วนตัว ของ สมบัติ  ได้เปิดประเด็นที่ ‘ไม่ใหม่’ แต่ ‘ไร้การพูดถึง’ นั่นคือ ‘คนไร้บ้าน’ บริเวณ สนามหลวง  ซึ่งเป็นชุมชนกลายๆ ด้วยหลายปัจจัย นับเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่ถูกชักชวนให้กระทำผิด ทั้งที่รู้และไม่รู้ ทว่า สำคัญกว่านั้น คือ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เห็นความผิดปกตินี้แล้ว กลับไม่สามารถย้ำยั้งได้ เป็นที่มาของโพสต์ของ สมบัติ ที่ตามหาตัวเจ้าหน้าที่ ซึ่งควรเข้ามาดูแล

“นายหน้าที่เดินหาคนเปิดบัญชีม้า ก็คนแถวนั้นแหละ โดยมี จนท. รัฐ เป็นคนสนับสนุนอีกที หากินกันเป็นระบบ โดยค่าเปิดบัญชีม้า เริ่มต้นที่ 500-5,000 บาท จนตอนนี้ธนาคารที่อยู่ใกล้สนามหลวงไหวตัว เวลาคนที่ดูแปลกๆ คล้ายคนไร้บ้านมาเปิดบัญชี พนักงานธนาคารจะสอบถามมากเป็นพิเศษ” นี่เป็นจุดเริ่มต้นให้สังคมถกเถียง และตั้งคำถามในเวลานั้น 

“คนไร้บ้านบางคนรับเงินมา 500 บาท ไปเปิดบัญชีม้า เมื่อเจ้าทุกข์มาแจ้งความ และจับตัวคนไร้บ้าน จะพบว่าบัญชีของตนเองมีเงินหมุนเวียนหลายแสนบาท บางรายหลายล้านบาท มีอยู่รายหนึ่ง 11 ล้านบาท ในขณะที่เจ้าตัวยังนอนไร้บ้านอยู่แถวสนามหลวง” 

สมบัติ ถึงได้แสดงความเห็นว่า รัฐควรเปิดช่องทางให้คนไร้บ้านแจ้งต่อหน่วยงานให้ตรวจสอบ และอายัดบัญชีทั้งหมด แล้วพิจารณาโทษจากความเป็นจริง จะให้เท่ากับคนที่เป็นนายหน้า หรือคนที่เอาเงินไปไม่ได้ พวกเขาล้วนตกเป็นเหยื่อ และหากจะพิจารณาความผิดก็ควรลดหย่อนให้มีความเหมาะสม

[ อาชญากรทำงาน 24 ชม. กฎหมายตามไม่ทัน]

นี่ยังไม่ได้พูดถึง ‘ม้าเลี้ยง’ ซึ่งสมบัติ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ว่าเป็นผู้ที่ไปเปิดบัญชีม้า ก่อนจะถูกนำตัวไปอยู่กับขบวนการ ภายใต้การควบคุมตัว 

ส่งตัวข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มีห้องเล็กๆและอาหารกิน รอจนกว่าจะมีเหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี แล้วม้าเลี้ยงจะต้องสแกนหน้าเพื่อให้โอนเงินออกมาได้”

สมบัติ ยกตัวเลขจาก ศูนย์ข้อมูลคนหาย ที่ครอบครัวแจ้งว่าสมาชิกถูกหลอกให้ข้ามฝั่งทำงานเป็นม้าเลี้ยง 66 ราย โดยมูลนิธิกระจกเงาเอง ก็มีการร้องเรียนลักษณะนี้ 1-3 กรณี เช่นกัน โดยทุกวันจะมีการแจ้งความเคสลักษณะนี้มาที่ ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา วันละ 1-3 ราย

ขบวนการค้ามนุษย์ในยุคใหม่ ที่ใช้อัตลักษณ์บุคคลหากิน แต่กฎหมายที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ยังตีความไปไม่ถึง ลักษณะนี้เอง ที่ สมบัติ พยายามส่งเสียงให้ถึงบรรดานักกฎหมาย “ตื่นกันได้แล้วครับ อาชญากรทำงาน 24 ชม” สมบัติ เขียนทิ้งท้ายไว้

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง