หากเรายังจำสถานการณ์ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกันได้ ที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่ จนทำให้ทางผู้จัดการแข่งขันไม่อนุญาตให้ผู้ชมเข้าไปดูกีฬาในสนาม ประชาชนบางส่วนก็ออกมาต่อต้านมหกรรมกีฬาครั้งนี้ เนื่องจากกังวลว่าจะทำให้สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีอยู่แล้ว กลับกลายเป็นเลวร้ายยิ่งขึ้น
ในตอนนั้น ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจุดที่พีกที่สุดคือวันที่ 20 ส.ค. ที่มีผู้ติดเชื้อต่อวันสูงถึง 25,892 คน แต่พอมาถึงวันนี้ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเหลือเพียงแค่หลักร้อย
ส่วนกรุงโตเกียวที่เคยตกอยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบ่อยครั้ง และเป็นเมืองที่เผชิญกับการระบาดอย่างหนัก ล่าสุดวันที่ 19 ต.ค. มีรายงานผู้ติดเชื้อเหลือเพียง 36 คนเท่านั้น
ที่สำคัญก็คือ ญี่ปุ่นไม่เคยมีการล็อกดาวน์แบบจริงจังมาก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นเพียงการขอความร่วมมือ
อะไรคือสาเหตุของการพลิกสถานการณ์กลับมาได้เร็วขนาดนี้ แบบที่ไม่ต้องใช้มาตรการบังคับเหมือนกับหลายๆ ชาติ วันนี้ workpointTODAY จะนำทุกคนไปดูตัวอย่างของญี่ปุ่นกัน
วัคซีนมาช้า แต่ฉีดได้รวดเร็ว
หากเทียบกับประเทศมหาอำนาจด้วยกันแล้ว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เริ่มฉีดวัคซีนได้ช้ามาก คือเริ่มฉีดในเดือนก.พ. ช้ากว่าประเทศอย่างสหรัฐฯ หรือสหราชอาณาจักรถึง 2 เดือน
เมื่อตอนสิ้นเดือนพ.ค. ญี่ปุ่นฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชากรไป 10% และครบ 2 เข็มเพียง 3.2% เท่านั้น
แต่หลังจากเข้าสู่ช่วงกลางปี ญี่ปุ่นเริ่มติดเครื่อง ระดมฉีดวัคซีนจนมีอัตราส่วนฉีด 1 เข็มกว่า 3 ใน 4 และฉีดครบ 2 เข็มกว่า 2 ใน 3 ของประชากรแล้ว ด้วยอัตราการฉีด 1.1 ล้านโดสต่อวันโดยเฉลี่ย ทำให้มียอดรวมแซงหน้าสหรัฐฯ ที่เริ่มฉีดไปก่อนหน้านี้
การฉีดวัคซีนที่รวดเร็วในระยะเวลาไม่กี่เดือน นักส่งผลให้นักไวรัสวิทยาของญี่ปุ่นเชื่อว่า อาจส่งผลให้เกิดสภาวะภูมิคุ้มกันหมู่แบบชั่วคราวได้
โครงการฉีดวัคซีนของญี่ปุ่นยังทำให้ประชาชนรู้สึกพึงพอใจ เห็นได้จากการที่รัฐมนตรีด้านวัคซีน ทาโร โคโนะ ได้รับความนิยมอย่างมากจากผลสำรวจที่ถามว่า ต้องการให้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แม้ว่าสุดท้ายแล้วนายโคโนะจะพ่ายโหวตในพรรค และกลายเป็น ฟูมิโอะ คิชิดะ ที่คว้าเก้าอี้ไป
นอกจากนี้ การที่คนส่วนใหญ่เพิ่งจะได้รับวัคซีนในช่วงกลางปีเป็นต้นมา ทำให้ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนยังคงทำงานได้ดีอยู่ ไม่เหมือนกับในสหรัฐฯ หรืออิสราเอลที่ใช้วัคซีนไฟเซอร์เป็นหลักเหมือนกัน แต่กลับลงจากจุดพีกได้ช้ากว่าหลังเผชิญกับการระบาดอีกระลอก ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
อย่างที่เอ่ยไปข้างต้นว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของญี่ปุ่นค่อนข้างจะแตกต่างจากหลายประเทศ คือไม่มีการออกคำสั่งล็อกดาวน์ เป็นเพียงการขอความร่วมมือเท่านั้น โดยเฉพาะร้านอาหารและบาร์ ที่ถูกขอให้งดเสิร์ฟแอลกอฮอล์และปิดร้านเร็วกว่าปกติ
เท่ากับว่าหลายร้านยังเปิดให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยไม่ถือทำผิดต่อกฎหมายข้อใดเลย
แม้วัคซีนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ โนริโอะ โอมาการิ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค เชื่อว่าการที่ผู้คนไปรวมตัวกันในสถานที่เสี่ยง เช่นที่ที่มีคนหนาแน่น และระบายอากาศได้ไม่ดีนัก อาจทำให้ได้รับเชื้อและเกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติก็ได้
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเคยออกมากล่าวโทษกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ออกมากินดื่มตามท้องถนนและสวนสาธารณะหลังจากร้านอาหารและบาร์ปิด ว่าเป็นสาเหตุของการแพร่เชื้อ แต่จากข้อมูลที่ออกมาพบว่า มีคนอายุ 40-60 ปีที่ออกมากินดื่มยามค่ำคืนเช่นกัน
และกลุ่มที่มีอาการป่วยหนักและเสียชีวิต ส่วนใหญ่แล้วกลับเป็นกลุ่มอายุ 50 กว่าลงมา ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
เท่ากับว่าการที่คนรุ่นใหม่ออกมาเที่ยวกลางคืน อาจกลายเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
เตรียมการล่วงหน้าสำหรับระลอกต่อไป
การลดผู้ติดเชื้อจากหลักหมื่นลงมาเหลือหลักร้อย ท่ามกลางการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่พอหายใจหายคอได้บ้าง แต่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นยังคงวางแผนสำหรับการระบาดระลอกต่อไป เพราะไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อของวัคซีนลดลงในช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.) ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ออกมาเปิดเผยว่า จะเตรียมแผนรับมือกรณีที่สถานการณ์อยู่ในขั้นแย่ที่สุด (Worst-case Scenario) โดยจะเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. เป็นต้นไป
โดยแผนที่ว่าคือ อาจมีการจำกัดกิจกรรมบางกิจกรรมมากขึ้น และจัดเตรียมเตียงและบุคลากรสำหรับรักษาโรคโควิด-19 หากเกิดกรณีการแพร่ระบาดขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ในภาพรวมจะยังไม่มีใครสามารถตอบได้แน่ชัด ว่าการลดลงของจำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นเกิดจากสาเหตุใดบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือรัฐบาลญี่ปุ่นดูจะยังไม่ยอมชะล่าใจในช่วงที่สถานการณ์ผ่อนคลาย เพื่อที่จะไม่ปล่อยให้ประเทศต้องเผชิญวิกฤตหนักหากเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้นมาจริงๆ
https://corona.go.jp/en/dashboard/
https://japan.kantei.go.jp/ongoingtopics/vaccine.html
https://www.japantimes.co.jp/liveblogs/news/coronavirus-outbreak-updates/










