‘คิม จอง อึน’ ตั้งเป้าปี 2023 เดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม พร้อมขยายคลังแสงนิวเคลียร์ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เรียกร้องให้มีการเร่งขยายคลังแสงนิวเคลียร์ของประเทศแบบทวีคูณ และพัฒนาขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
KCNA ระบุว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศเจตนารมณ์ดังกล่าวในช่วงสุดท้ายของการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 6 วันเพื่อทบทวนการดำเนินการตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา
นายคิมกล่าวต่อที่ประชุมว่า เกาหลีใต้ได้กลายมาเป็นศัตรูที่ไม่ปฏิเสธได้ และพันธมิตรรายสำคัญของสหรัฐฯ ของพวกเขาก็เพิ่มแรงกดดันให้กับเกาหลีเหนือจนถึงขีดสุดตลอดปีที่ผ่านมา ด้วยการส่งกำลังพลมาที่คาบสมุทรเกาหลีบ่อยครั้ง
“เพื่อตอบสนองต่อความปรปักษ์ของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ปีหน้าเกาหลีเหนือต้องเร่งผลิตอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีจำนวนมาก และเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งจะช่วยให้เกาหลีเหนือมีความสามารถในการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว” นายคิมระบุ
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายคิม มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือส่งโดรนล้ำน่านน้ำของเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ 3 ลูก ในช่วงเช้าของวันที่ 31 ธ.ค. ก่อนจะทำการยิงอีกครั้งในช่วงกลางดึกของวันที่ 1 ม.ค. ซึ่ง KCNA ระบุว่า สิ่งที่ดำเนินการทดสอบในครั้งนี้คือระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง (MRL) ขนาด 600 มม. ใหญ่กว่าจรวด MRL ที่มีใช้อยู่ทั่วโลกซึ่งมีขนาด 300 มม.
สำหรับระบบยิงจรวด MRL ขนาด 600 มม. นี้ มีการเปิดตัวออกครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และเริ่มมีการผลิตมากขึ้นในช่วงปลายเดือน ต.ค. 2565 ซึ่งนายคิมเคยกล่าวว่า อาวุธชนิดนี้มีความสามารถในการโจมตีพื้นที่ที่อยู่สูง สามารถโจมตีได้ต่อเนื่องอย่างแม่นยำ และบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ เพื่อโจมตีเป้าหมายใดๆ ในเกาหลีใต้ได้ และในการประชุมคณะกรรมการพรรคฯ ครั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือก็ได้สั่งให้เพิ่มการผลิตระบบยิงจรวดดังกล่าวอีก 30 ชุดเพื่อไปประจำการในกองทัพ
ที่มา CNN, Al Jazeera










