ภาคีองค์กรด้านสิทธิและความหลากหลายทางเพศกว่า 33 องค์กร ร่วมจัด “เวทีสิทธิประชาชนเพศหลากหลายกับนโยบายพรรคการเมือง 2566” เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2566 ณ สำนักงานกลางนักเรียนคริสเตียน กรุงเทพฯมหานคร เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้นำเสนอประเด็นปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศและได้มีส่วนร่วมในการออกแบบและนำเสนอนโยบายสาธารณะต่อพรรคการเมือง โดยมี วศินี พบูประภาพ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว TODAY เป็นผู้ดำเนินรายการ

เวทีนี้มีพรรคการเมืองที่ส่งตัวแทนมาร่วมจำนวน 12 พรรค ได้แก่
- ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ พรรคก้าวไกล
- วรนัยน์ วาณิชกะ พรรคชาติพัฒนากล้า
- อุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา พรรคชาติไทยพัฒนา
- ภาคิน เจริญนนทสิทธิ์ พรรคไทยสร้างไทย
- แทนคุณ จิตต์อิสระ พรรคประชาธิปัตย์
- ภิญโญ รู้ธรรม พรรคเปลี่ยนอนาคต
- ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช พรรคเพื่อชาติ
- ชานันท์ ยอดหงษ์ พรรคเพื่อไทย
- ณัฏฐ์ มงคลนาวิน พรรคภูมิใจไทย
- พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ
- ณิชกานต์ รักษ์วงฤทธิ์ พรรคสามัญชน
- ฐิติพร ฌานวังศะ พรรคเสมอภาค
โดยผู้จัดเวทีเสวนาแบ่งรอบการตอบคำถามเป็น 3 รอบ ดังนี้
•รอบที่ 1 ให้ตัวแทนพรรคการเมืองแนะนำตัวและนำเสนอนโยบายเกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศของพรรคตัวเอง (ระยะเวลาคนละ 2 นาที)
•รอบที่ 2 แบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่มโดยวิธีการจับฉลาก และให้แต่ละกลุ่มตัวแทนพรรคตอบคำถามเดียวกันจากเจ้าของประเด็นด้านต่างๆ
•รอบที่ 3 ให้ผู้เข้าร่วมรับฟังสามารถถามคำถามกับตัวแทนพรรคการเมือง พรรคละ 1 คำถาม

สำนักข่าว TODAY รวบรวมข้อมูลนโยบายที่ตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองได้จัดสรรเวลานำเสนอบนเวทีเสวนา มาให้ได้อ่านกันแบบเข้าใจง่าย
หมายเหตุ : พรรคการเมืองที่ไม่ได้กล่าวถึงนโยบายดังกล่าวอาจไม่ได้หมายความว่าไม่มีนโยบายนั้นๆ แต่อาจไม่ได้หยิบยกขึ้นมาในระหว่างการตอบคำถาม หรือไม่ได้มีช่วงเวลาในการตอบเนื่องจากกติกาที่ทางผู้จัดกิจกรรมกำหนด
แต่ละพรรคจะเอายังไงกับ ‘สมรสเท่าเทียม’ ?
ร่าง ‘สมรสเท่าเทียม’ ค้างพิจารณาอยู่ที่วาระ 2 และเมื่อเกิดเหตุการณ์ยุบสภาก็ทำให้กฎหมายนี้ไม่ถูกพิจารณาและยังเป็นความหวังที่ยังไม่เป็นจริงของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศที่จะได้รับสิทธิในการสมรสคืนมาให้เท่าเทียมกับคู่สมรสชาย–หญิง
การหาเสียงในครั้งนี้จึงได้เห็นพรรคการเมืองหยิบยกเอากฎหมายดังกล่าว กลับขึ้นมาหาเสียงอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันหากมองย้อนไปในสภาฯ ก็มีกฎหมายอีกร่างคือ ‘พ.ร.บ.คู่ชีวิต’ ที่ถูกนำมาพิจารณาคู่กัน ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแบ่งแยกเป็นกฎหมายใหม่ทำให้ไม่ได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกัน
แม้ว่าจะค้างพิจารณาอยู่ทั้ง 2 ฉบับ แต่พรรคการเมืองที่จะกลับเข้ามาทำงานในสภาฯ เห็นอย่างไร กับการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อให้บุคคลทุกเพศสามารถแต่งงานกันได้ หรือ ‘สมรสเท่าเทียม’
นี่เป็นคำตอบจาก 12 พรรคการเมือง
พรรคที่สนับสนุน ‘สมรสเท่าเทียม’ : พรรคก้าวไกล / พรรคชาติพัฒนากล้า / พรรคชาติไทยพัฒนา / พรรคไทยสร้างไทย / พรรคประชาธิปัตย์ / พรรคเพื่อชาติ / พรรคเพื่อไทย / พรรคภูมิใจไทย / พรรคสามัญชน
พรรคที่ไม่ได้พูดถึง ‘สมรสเท่าเทียม’ บนเวที : พรรคเสมอภาค / พรรคเปลี่ยนอนาคต
พรรคที่ไม่ชัดเจน : พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่พูดชัดว่าจะสนับสนุน ‘สมรสเท่าเทียม’ โดยระบุว่าสิทธิการอุ้มบุญเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่ง ‘พ.ร.บ.คู่ชีวิต’ ยังไม่มี แต่เมื่อมีผู้เข้าร่วมรับฟังถามว่าจะทำอย่างไรในการพูดคุยกับสมาชิกพรรคคนอื่น พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ตอบว่า “จะไปบังคับให้มันเกิดขึ้นจริง ผมจะพยายามถึงที่สุด“
ข้อสังเกต : พรรคชาติพัฒนากล้า ใช้คำพูดว่า “จะยกมือให้สมรสเท่าเทียม” และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่เคยเสนอร่าง ‘พ.ร.บ.คู่ชีวิต’ (คนละร่างกับของ ครม.) ใช้คำพูดว่า “ส่งเสริมเรื่อง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เท่านั้น”

พรรคไหนบ้าง ที่มองสวัสดิการสุขภาพ LGBTQ+ เป็นเรื่องสำคัญ ?
พรรคที่พูดถึงการเทคฮอร์โมนและการผ่าตัดแปลงเพศบนเวทีเสวนา :
•พรรคไทยสร้างไทย – สนับสนุนกองทุนผ่าตัดแปลงเพศ และผลักดันให้มีงบ สปสช. เบิกจ่ายเทคฮอร์โมนได้
•พรรคประชาธิปัตย์ – ตรวจคัดกรองให้ฮอร์โมนก่อน–หลังแปลงเพศ
•พรรคเพื่อชาติ – ฟรีฮอร์โมนทางเพศและการตัดมดลูกต้องรวมอยู่ในสวัสดิการสุขภาพ
•พรรคเพื่อไทย – ผู้ต้องการข้ามเพศเข้าถึงฮอร์โมนได้ ต้องอยู่ใน สปสช.
•พรรคสามัญชน – ต้องการระบบสาธารณสุขให้กับการเทคฮอร์โมน และการผ่าตัดยืนยันเพศ
•พรรคเสมอภาค – รัฐต้องดูแลเรื่องฮอร์โมนและการข้ามเพศ

พรรคที่พูดถึงแนวทางป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV บนเวทีเสวนา :
•พรรคก้าวไกล – ยุติ HIV ภายใน 8 ปี
•พรรคประชาธิปัตย์ – ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ไม่ต้องถูกตรวจก่อนเข้าทำงาน
•พรรคเพื่อไทย – ผลักดันเรื่องของเบิกจ่ายยา PrEP PEP
พรรคที่พูดถึงสวัสดิการสุขภาพในด้านอื่นๆ บนเวทีเสวนา :
•พรรคประชาธิปัตย์ – ใช้เทคโนโลยีเจริญพันธุ์เพื่อช่วยเหลือคู่รัก LGBT+ ให้มีลูกได้
•พรรคเพื่อชาติ – สิทธิเข้าถึงถุงยางอนามัยทุกแบบ รวมถึงถุงยางอนามัยสำหรับสตรี
•พรรคเพื่อไทย – ผ้าอนามัยฟรีสำหรับผู้มีประจำเดือน และเรื่องการอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างสม่ำเสมอให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ
•พรรครวมไทยสร้างชาติ – ให้ความเห็นว่าควรมี committee ด้านสุขภาพ ที่มีกลุ่มหลากหลายทางเพศเข้าไปร่วมด้วย และส่งเสริมให้มีบุคคลากรทางการแพทย์ที่มีความหลากหลายทางเพศ
•พรรคสามัญชน – เปลี่ยนระบบสาธารณสุขไม่ให้เป็นแค่ “ระบบสองเพศ“
•พรรคเสมอภาค – เปิดให้มีการเข้าถึงบริการสุขภาพกายและจิตสำหรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และนำเสนอเรื่องสวัสดิการสุขภาพในสถานที่ทำงาน

พรรคที่พูดถึงการคุ้มครอง Sex Workers และการทำให้ถูกกฎหมาย :
•พรรคก้าวไกล – ยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี และทำให้ Sex Workers ได้รับการคุ้มครอง ได้สิทธิแรงงาน
•พรรคไทยสร้างไทย – รัฐต้องเข้าไปคุ้มครอง
•พรรคประชาธิปัตย์ – หามาตรการดูแลอย่างครบวงจร
•พรรคเพื่อชาติ – เห็นด้วยกับการทำให้ถูกกฎหมาย
•พรรคสามัญชน – เห็นด้วยกับการทำให้ถูกกฎหมาย
พรรคที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับสวัสดิการสุขภาพบนเวทีนี้ : พรรคชาติพัฒนากล้า / พรรคชาติไทยพัฒนา / พรรคภูมิใจไทย / พรรคเปลี่ยนอนาคต

พรรคไหนเห็นถึงอัตลักษณ์ทางเพศและตัวตน LGBTQ+ ?
พรรคที่เห็นด้วยกับการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ : พรรคก้าวไกล / พรรคชาติไทยพัฒนา / พรรคประชาธิปัตย์ / พรรคเพื่อไทย / พรรคสามัญชน / พรรคเสมอภาค
พรรคที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศบนเวทีนี้ : พรรคชาติพัฒนากล้า / พรรคไทยสร้างไทย / พรรคเพื่อชาติ / พรรคภูมิใจไทย / พรรคเปลี่ยนอนาคต
พรรคที่เห็นด้วยกับการให้เลือกใช้คำนำหน้านามเองได้ : พรรคก้าวไกล / พรรคชาติพัฒนากล้า / พรรคเพื่อชาติ / พรรคภูมิใจไทย / พรรครวมไทยสร้างชาติ
พรรคที่พูดถึงการขจัดการเลือกปฏิบัติและการเหยียดเพศ :
•พรรคชาติพัฒนากล้า – ผลักดันให้มีการฟ้องร้องการเลือกปฏิบัติในสถานที่ทำงาน และเสนอเอาคำว่า “ศีลธรรมอันดี” ออกจากกฎหมาย และใส่คำว่าสิทธิมนุษยชนเข้าไปแทน
•พรรคชาติไทยพัฒนา – เห็นด้วยว่าต้องมีการหาทางหยุดการเลือกปฏิบัติ
•พรรคประชาธิปัตย์ – ส่งเสริมการใช้กฎหมายและการให้คำปรึกษาผู้ถูกเลือกปฏิบัติหรือถูกคุกคาม
•พรรคเพื่อชาติ – ต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ
•พรรครวมไทยสร้างชาติ – มองว่าการที่ LGBT+ บริจาคเลือดไม่ได้ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ
•พรรคสามัญชน – ยุติการเกลียดกลัว หนุนปฏิรูประบบราชทัณฑ์ให้มีความปลอดภัยทางเพศ
•พรรคเปลี่ยนอนาคต – เห็นด้วยว่าต้องมีการหาทางหยุดการเลือกปฏิบัติ
ข้อสังเกต : ตัวแทนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่าส่วนตัวสนับสนุนกับการรับรองอัตลักษณ์ แต่ไม่ใช่มติของพรรค นอกจากนั้นเรื่องคำนำหน้านาม พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เสนอว่ากลุ่มคนที่เป็น non-binary จะให้ใช้คำนำหน้านามว่า “นานา” พร้อมอธิบายว่าเรามี ‘นาย’ และ ‘นางสาว’ “ถ้าเป็นมิกซ์ก็แปลเป็นนานา” และถามผู้เข้ารับฟังว่าชอบไหม ก่อนจะได้รับเสียงตะโกนกลับว่า “ไม่อยากได้ เขาใช้ gender X” ก่อนระบุว่าเป็นเพียงแค่ไอเดียหนึ่ง

พรรคไหนพูดถึงนโยบายสวัสดิการคนทำงานกลุ่ม LGBTQ+ บ้าง ?
•พรรคก้าวไกล – ลดการตาบอดทางเพศ (Gender Blindness) สร้างความเท่าเทียมในการออกแบบนโยบาย
•พรรคชาติพัฒนากล้า – เพิ่มความเท่าเทียมการจ้างงาน
•พรรคชาติไทยพัฒนา – ผลักดันให้มี ส.ส. ที่ความหลากหลายทางเพศในสภา
•พรรคประชาธิปัตย์ – หนุนให้มีกองทุน SME ให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศได้เข้าถึงและต่อยอดได้ เพื่อสนับสนุนศักยภาพของผู้มีความหลากหลายให้โดดเด่นมากขึ้น
•พรรคเพื่อชาติ – การลาของ Transgender ต้องเป็นสวัสดิการ ทุกองค์กรต้องผลักดันให้เกิดขึ้น
•พรรคเพื่อไทย – แรงงาน LGBTQ+ ลาไปเลี้ยงบุตรบุญธรรมได้
•พรรคภูมิใจไทย – รับข้อเสนอเรื่อง นโยบายและสวัสดิการที่เคารพสิทธิประชาชนเพศหลากหลายในสถานที่ทํางาน จำนวน 5 ข้อที่ คณะทำงานเครือข่ายสิทธิประชาชนเพศหลากหลายกับนโยบายพรรคการเมือง 2566 เสนอ ไปพิจารณาต่อ
•พรรคสามัญชน – ต้องมี Gender Quota ในการจ้างงานที่เป็นธรรม
•พรรคเสมอภาค – กำหนดข้อบังคับให้ที่ทำงานต้องมีสัดส่วนจ้างงานอย่างเท่าเทียม

การศึกษาจะเปิดกว้างเข้าใจ LGBTQ+ แค่ไหน ในสายตาพรรคการเมืองเหล่านี้ ?
•พรรคก้าวไกล – รื้อบทเรียน ต้องมีการโอบรับความหลากหลาย นักเรียนต้องมีสิทธิแสดงออกตามเจตจำนงเพศของตนเอง อบรมครูให้มีความเข้าใจเรื่องสิทธิความหลากหลายทางเพศ
•พรรคชาติพัฒนากล้า – ปฏิรูปกระทรวงศึกษา สร้างสิทธิมนุษยชนต่อทุกเพศ
•พรรคชาติไทยพัฒนา – ผลักดันให้ครูเข้าใจความหลากหลาย
•พรรคไทยสร้างไทย – สนับสนุนการจัดหลักสูตรสร้างความเข้าใจในโรงเรียนในทุกสังกัด
•พรรคประชาธิปัตย์ – เพิ่มหลักสูตรเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ
•พรรคเพื่อชาติ – แก้กฎกระทรวงให้นักเรียนแต่งตัวตามเพศสภาพได้ ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากใคร
•พรรคเสมอภาค – ปรับปรุงหลักสูตรแกนกลาง โดยเฉพาะวิชาสุขศึกษา ขจัดการเลือกปฏิบัติ และให้แต่งกายตามเพศสภาพได้
•พรรคเปลี่ยนอนาคต – เสนอเปลี่ยนกระทรวงศึกษาเป็น “กระทรวงปัญญา” เพราะต้องมองไปถึงการสร้าง Knowledge
หมายเหตุ : พรรคการเมืองที่ไม่ได้กล่าวถึงนโยบายต่างๆ อาจไม่ได้หมายความว่าไม่มีนโยบายนั้นๆ แต่อาจไม่ได้หยิบยกขึ้นมาในระหว่างการตอบคำถาม หรือไม่ได้มีช่วงเวลาในการตอบเนื่องจากกติกาที่ทางผู้จัดกิจกรรมกำหนด
สามารถรับไลฟ์ย้อนหลังได้ทางประชาไท : https://www.youtube.com/watch?v=3viGdBb1LsA










