สื่อต่างประเทศมองการเลือกตั้งในไทย ไม่ได้สำคัญแค่เฉพาะกับคนไทยทั้งประเทศ แต่ยังเป็นเดิมพันครั้งใหญ่สำหรับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเมียนมา
สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งสำคัญในประเทศไทย หลังมีการประกาศยุบสภาเมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) ระบุว่า ในขณะที่คนไทยทั่วประเทศกำลังเฝ้ารอการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ในไทยกว่า 1.5 ล้านคน ก็ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลไทยชุดใหม่ ว่าจะมีแนวทางเข้มงวดมากขึ้นต่อรัฐบาลทหารเมียนมา
อัลจาซีราระบุในรายงานว่า นักวิจัยชาวเมียนมาที่ลี้ภัยมาอยู่ในประเทศไทยรายหนึ่ง ซึ่งใช้นามแฝงว่า หม่า เคียน เต็ด (Ma Khine Thet) ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวว่า การเลือกตั้งของประเทศไทย ได้จุดชนวนความหวังของชาวเมียนมาขึ้นมาอีกครั้ง หากไทยมีรัฐบาลชุดใหม่ อาจเป็นไปได้ที่รัฐบาลไทยจะเพิ่มน้ำหนักการสนับสนุนให้กับขบวนการต่อต้านรัฐประหารที่นำโดยรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติของเมียนมาที่ถูกคณะรัฐประหารของพลเอก มิน อ่อง หล่าย โค่นล้ม
“ถ้าฝ่ายค้านของไทยได้เป็นรัฐบาล พวกเขาน่าจะสนับสนุนขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเมียนมา โดยอาจจะเข้าไปร่วมมือกับสหรัฐฯ แต่ฉันก็กลัวอยู่ว่า จีนที่ให้การสนับสนุน มิน อ่อง หล่าย อาจเข้ามากดดันรัฐบาลชุดใหม่ของไทยก็ได้” หม่าระบุ
หม่าอธิบายต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลทหารไทยและรัฐบาลทหารเมียนมามีความสัมพันธ์กันแบบ ‘พี่กับน้อง’ ทำให้ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่รักษาความสัมพันธ์ทางการทูตอันแน่นแฟ้นกับรัฐบาลทหารเมียนมา นอกจากนี้ ทั้งสองยังมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันอยู่มากมาย เช่น กิจการแหล่งก๊าซธรรมชาติในทะเลอันดามัน ซึ่งผลประโยชน์เหล่านี้ ทำให้พวกเขาเป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้ของเรา
ทั้งนี้ หม่า เคียน เต็ด เปิดเผยตัวตนเพียงว่า เธอเป็นนักวิจัยที่หนีมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ หลังจากที่อดีตเพื่อนร่วมงานของเธอถูกทหารจับเข้าคุกเมื่อปีที่แล้ว เช่นเดียวกับบรรดาผู้ต่อต้านรัฐบาลทหาร นักศึกษา นักข่าว และนักการเมืองหลายคน โดยเธอระบุถึงความกังวลที่ต้องใช้นามแฝงว่า อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกส่งตัวกลับประเทศเพื่อไปติดคุกและถูกทรมานเหมือนกับที่รัฐบาลทหารทำกับนักเคลื่อนไหวหลายๆ คน
ที่มา Al Jazeera










