เปิดชั้นยศกว่าจะเป็น ‘ผกก.’ อดีตตำรวจ เผยหลายคนใช้ ‘ตั๋ว’ ฝ่าระเบียบ

เปิดชั้นยศกว่าจะเป็น ‘ผกก.’ อดีตตำรวจ เผยหลายคนใช้ ‘ตั๋ว’ ฝ่าระเบียบ

เปิดชั้นยศตำรวจก่อนจะได้ตำแหน่ง ‘ผู้กำกับการ’ ตามระเบียบ ก.ตร. พ.ศ.2561 พบใช้เวลาเร็วสุด 17 ปี อดีตตำรวจเผยมี “ข้อยกเว้น” ที่ทำให้บางคนขึ้นเร็ว

หลังเกิดกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผกก.โจ้ ก่อเหตุทำร้ายผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต จนกลายเป็นข่าวสะเทือนวงการสีกากี จุดชนวนให้สังคมลุกมาตรวจสอบตำรวจอีกครั้ง และหนึ่งคำถามที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ คือการได้มาซึ่ง “ตำแหน่งผู้กำกับการ”

workpointTODAY ได้สรุปข้อมูลจากระเบียบการเลื่อนยศและการเลื่อนตำแหน่งของตำรวจ ตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2561 ได้ระบุถึงขั้นตอนการคัดเลือกและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเอาไว้ โดยจะมีตั้งแต่ตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึงระดับสารวัตร

ในที่นี้จะขอหยิบเฉพาะการเลื่อนตำแหน่ง กว่าจะมาเป็นผู้กำกับการ (ผกก.) ซึ่งโดยรวมแล้วพบว่า จะใช้เวลาหลังเข้ารับราชการตำรวจในชั้นสัญญาบัตร หรือ ยศ ร.ต.ต. เป็นเวลาอย่างน้อย 17 ปี (ซึ่งระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละขั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตาม กฎ ก.ตร.) โดยการเลื่อนตำแหน่งจะพิจารณาจากคุณสมบัติ ดังนี้

  • รองสารวัตร เลื่อนขึ้นเป็น สารวัตร คุณสมบัติคือ ยศ ร.ต.อ. ทำงานในตำแหน่งมาแล้วอย่างน้อย 7 ปี
  • สารวัตร เลื่อนขึ้นเป็น รองผู้กำกับการ คุณสมบัติคือ ยศ พ.ต.ท. ทำงานในตำแหน่งมาแล้วอย่างน้อย 6 ปี
  • รองผู้กำกับการ เลื่อนขึ้นเป็น ผกก. คุณสมบัติคือ ยศ พ.ต.ท. ทำงานในตำแหน่งมาแล้วอย่างน้อย 4 ปี

โดยในการเลื่อนตำแหน่ง ได้ระบุว่า ให้หัวหน้าหน่วยงานเป็นผู้จัดทำบัญชีข้อมูลหรือรายชื่อผู้เหมาะสมเสนอไปยังผู้มีอำนาจ นั่นคือ “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” แต่งตั้งโดยให้พิจารณาโดยคำนึงถึงอาวุโส  ประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ และความรู้ความสามารถประกอบกัน ทั้งนี้ให้เป็นไปตามแนวทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด

⚫️กฎระเบียบ กับ การปฏิบัติจริง

แต่ในการปฏิบัติจริงอาจไม่ได้เป็นตามระเบียบนี้เสมอไป เพราะการจะขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นจะต้องรอตำแหน่งว่าง

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการสถาบันอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต อธิบายว่า “การเลื่อนยศในช่วง ร.ต.ต. ถึง ร.ต.อ. จะเป็นไปตามระบบอายุงานประมาณ 7 ปี แต่การจะเลื่อนตำแหน่งจาก ‘รองสารวัตร’ ขึ้นมาเป็น ‘สารวัตร’ ได้ ต้องรอให้มีตำแหน่งว่าง และต้องเข้าหาผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่ว่าจะได้เลื่อนขึ้นเลย หรือกระทั่งบางคนไม่ต้องรอให้ทำงานในตำแหน่งจนครบอายุงานที่กำหนด ก็เลื่อนตำแหน่งได้ คือ ใช้การยกเว้นหลักเกณฑ์ ส่งชื่อเข้าคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้พิจารณา ซึ่งก็ทำให้บางคนได้ขึ้นเร็ว บางคนช้า หรือไม่ได้ขึ้นเลยก็มี”

ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า ก่อนที่จะขึ้นเป็น ผกก. จะต้องผ่าน 3 ชั้นยศมาก่อน ซึ่งเรื่องของเวลาว่าตำแหน่งละกี่ปีจะมีการปรับอยู่ตลอด ซึ่งกว่าจะได้ขึ้นเป็น ผกก. ก็ใช้เวลาอยู่ที่ราวประมาณ 17-18 ปี ซึ่งของ ผกก.โจ้ ที่เข้ารับราชการตำรวจ ปี 2547 และรับตำแหน่ง ผกก. ปี 2563 ยังถือว่าปกติอยู่ไม่เร็วมาก

“แต่ในระบบอุปถัมภ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มักจะมีการโยกย้ายที่เป็นคุณกับผู้ที่มีอำนาจ ก็เหมือนที่เราได้ยินว่าตำรวจถูกกว่าหา ใช้เงินวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง หรืออาจมีวิธีการโยกย้าย หรือฝ่าหลักเกณฑ์ และในการแต่งตั้งทุกครั้ง ก็จะพบพวกที่ขอยกเว้นที่ถือว่าเป็นปัญหาของตำรวจ และสังคมของตำรวจ เพราะคนที่ได้รับการยกเว้นก็จะขึ้นเร็ว เช่น เป็นสัก 1-2 ปี ฝ่าหลักเกณฑ์ขอขึ้นไป โดยมี ก.ตร. เป็นคนอนุมัติ พูดง่ายๆ ว่า ขยิบตากันว่าคนนั้นคนนี้มีความสามารถ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่ระดับ ผกก. แต่เป็นไปถึงระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกได้ว่าใครจะได้เป็นนายพลได้ อยู่ในรสนิยมที่เรียกว่า การวิ่งเต้น กฎที่มีไม่ยอมเดินไปตามกฎ ลัดเส้นทางประจำอยู่ปีเดียวกระโดด” พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าว

⚫️ระบบ “ตั๋ว” กับการรับตำแหน่ง

ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ นักวิชาการอาชญาวิทยา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การจะเลื่อนตำแหน่ง จะเลื่อนได้ก็ต่อเมื่อ ‘นายให้ขึ้น’ เป็นที่รู้กันดีในแวดวงตำรวจ กล่าวคือ การจะได้เลื่อนตำแหน่งนายตำรวจจะต้องขอให้ผู้บังคับบัญชาเสนอชื่อตัวเอง (เป็นไปตาม กฎ ก.ตร. กำหนด) แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ขึ้นทุกคน เพราะทุกตำแหน่งมี ‘โควตา’ อยู่

“ระบบการให้ตำแหน่ง โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูง ใครไม่รู้จักนายก็ไม่ได้ขึ้น เพราะระบบการเลื่อนตำแหน่งเขียนมาเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาเป็นคนกำหนดรายชื่ออยู่แล้ว และการเข้าหาเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่งต้องมี ‘ตั๋ว’ แต่ใช่ว่าใครที่มีตั๋วจะได้ขึ้น เพราะในกรณีที่ตำแหน่งนั้นๆ มีผู้ต้องการหลายคน ก็จะมีแคนดิเดต แล้ววัดกันด้วยความใหญ่ของตั๋ว ว่าได้มาจากใคร” ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ระบุอีกว่า ยังมีตำรวจที่เลื่อนขั้นขึ้นมาได้โดยไม่ต้องจ่าย แต่ต้องเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ และเป็นที่รักของผู้บังคับบัญชาจริงๆ หรือมีผลงานที่ประจักษ์ผู้บังคับบัญชา ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าต้องอาศัยการเข้าหาให้รู้จักมักคุ้นเป็นสำคัญด้วย

แม้ว่าปัจจุบันจะมีความพยายามแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และ กฎ ก.ตร. แต่เชื่อว่าระบบนี้จะไม่หายไป หรือแม้แต่การกระจายอำนาจไปให้จังหวัดแต่งตั้งก็แก้ยาก และระบบการเลื่อนขั้นแบบนี้น่าจะมีมีอยู่เกือบทุกวงการ ไม่ใช่เฉพาะตำรวจเท่านั้น

ที่มา
http://www.personnelpolice.com/announce61/01/18012561-1.pdf
http://www.opc.police.go.th/pdf/polnation.pdf

อรอุษาWriterอรอุษา
นักข่าวภาคสนาม สนใจเรื่องสังคม อาชญาวิทยา
ชอบเล่าเรื่องสุขภาพและปัญหาปากท้องให้เข้าใจง่าย
รักการสัมภาษณ์และเขียนงานที่สร้างแรงบันดาลใจ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง