ศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดของทางไต้หวัน (CECC) เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ว่า จะมีการเปิดพรมแดนเพื่อจุดประสงค์ทางด้านธุรกิจและการค้า โดยจะรับนักเดินทางที่เข้าเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อได้แก่
1.ได้รับอนุญาตให้เข้าไต้หวันตามประกาศของ CECC
2.จะอยู่ที่ไต้หวันไม่เกิน 3 เดือน
3.เข้ามาเพื่อทำกิจกรรมทางธุรกิจ เช่น ตรวจสอบสินค้า บริการหลังการขาย สอนงานและช่วยเหลือทางเทคนิค รวมถึงการเซ็นสัญญาด้วย
4.มาจากประเทศที่ระบุว่ามีความเสี่ยงปานกลาง และความเสี่ยงต่ำ ตามประกาศของ CECC โดยต้องไม่มีประวัติเดินทางไปยังประเทศอื่นในช่วง 14 วันก่อนจะเดินทางมายังไต้หวัน
สำหรับประเทศที่ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงต่ำได้แก่ ไทย เวียดนาม บรูไน ฮ่องกง มาเก๊า ภูฏาน มองโกเลีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ปาเลา และ ฟิจิ ซึ่งผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้จะถูกกักตัวอย่างน้อย 5 วันและสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 5 ซึ่งหากผลออกมาเป็นลบ ก็สามารถเปลี่ยนจากสถานะกักตัว มาเป็นการดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้
มาตรการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง (self-health management) กำหนดให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาต้องตรวจเช็คอุณหภูมิทุกวัน ตอบกลับข้อความเมื่อถูกถามถึงเรื่องสุขภาพ ทำกิจกรรมเฉพาะที่กำหนดไว้ในแผนการเดินทาง บันทึกกิจกรรมในแต่ละวันและรายชื่อบุคคลที่พบปะ หลีกเลี่ยงสถานที่สาธารณะและใส่หน้ากากตลอดเวลายามออกจากที่พัก โดยจะต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดนี้ไปจนถึงวันที่ 21 นับจากวันที่เดินทางเข้ามา
ส่วนผู้ที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศที่ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงปานกลาง ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ มีข้อปฎิบัติคล้ายกัน ยกเว้นระเวลาที่จะต้องถูกกักตัวไม่น้อยกว่า 7 วัน
ทั้งหมดต้องมีใบรับรองผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนเดินทางไม่เกิน 3 วัน และต้องออกค่าใช้จ่ายในการตรวจที่ไต้หวันอีกรอบเอง
ประกาศฉบับนี้ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังไต้หวันและอาศัยอยู่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ สำหรับผู้ที่วางแผนอยู่เกิน 3 เดือนจะต้องถูกกักตัวในบ้านขั้นต่ำ 14 วันโดยไม่สามารถใช้สิทธิ์ขอตรวจเชื้อเพื่อย่นระยะเวลาลงได้









