ประธานาธิบดีไต้หวันขอประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก หลังพบผู้ป่วยโควิด-19 ในไต้หวันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 8 เดือน ขณะที่สังคมประณามนักบินต้นตอแพร่เชื้อว่าเป็นศัตรูต่อสาธารณะ และอาจถูกปรับสูงถึง 320,000 บาท
วันที่ 23 ธ.ค. 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นางสาวไช่ อิง-เหวิน ประธานาธิบดีไต้หวันกล่าวกับประชาชนในวันนี้ โดยขอให้ชาวไต้หวันอย่าเพิ่งตื่นตระหนก หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไต้หวันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 8 เดือน พร้อมยืนยันว่า ในตอนนี้ทางการสามารถระบุต้นตอเชื้อได้แล้ว
เช่นเดียวกับรัฐมนตรีสาธารณสุขของไต้หวันที่ยืนยันว่า จากการไล่ตรวจเชิงรุกผู้มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายล่าสุด ผลตรวจพบว่าคนใกล้ชิด 170 คนไม่มีเชื้อโควิด-19 ส่วนอีก 3 คนกำลังรอผลตรวจอยู่
สำหรับผู้ป่วยรายแรกในรอบไม่ต่ำกว่า 8 เดือนในไต้หวันเป็นผู้หญิงอายุ 30 ปี มีประวัติติดเชื้อจากนักบินสายการบิน EVA Air ชาวนิวซีแลนด์ และพบว่าตัวเองติดเชื้อเมื่อวันอาทิตย์ (20 ธ.ค.) หลังทำการบินไปสหรัฐฯ
รัฐบาลไต้หวันแสดงความไม่พอใจต่อนักบินคนดังกล่าวอย่างมาก เนื่องจากพบว่าไม่รายงานประวัติการเดินทางให้ครบถ้วน และพบพฤติกรรมไม่สวมหน้ากาก โดยทางการท้องถิ่นของไต้หวันเตรียมดำเนินการปรับนักบินคนดังกล่าวเป็นเงิน 300,000 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 320,000 บาท
เช่นเดียวกับสังคมไต้หวันที่วิพากษ์วิจารณ์นักบินต้นตอการแพร่เชื้ออย่างรุนแรง โดยสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในไต้หวันเรียกนักบินคนดังกล่าวว่า เป็นศัตรูต่อสาธารณะ นอกจากนี้กระแสสังคมยังกดดันจนสายการบิน EVA Air นายจ้างของนักบินรายนี้ต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ พร้อมย้ำจะปรับปรุงมาตรการควบคุมโรคภายในสายการบินและจะลงโทษนักบินรายนี้ แต่ไม่ได้ระบุว่า จะลงโทษด้วยวิธีการใด
ที่ผ่านมาไต้หวันได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากถึงมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่ได้ผล จากการปิดพรมแดนอย่างรวดเร็ว ไล่ตรวจโรคเชิงรุก กักตัวกลุ่มเสี่ยง และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยป้องกันโรค ขณะเดียวกันความต้องการสินค้าเทคโนโลยีตลอดทั้งปีนี้ที่ในช่วงหนึ่งผู้คนต้องทำงานที่บ้าน ทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า ปีนี้เศรษฐกิจไต้หวันจะเติบโตราว 2.3% สวนทางหลายชาติทั่วโลกที่ต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย
