เมื่อเร็วๆ นี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เปิดเผยยอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ปรากฏว่ามียอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,785,493,410 บาท ซึ่งเป็นยอดสถิติการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ที่สามารถจัดเก็บเงินจนแซงหน้ายอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ทั้งปีของปี พ.ศ 2566 ไปแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2566 จัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ทั้งปีได้จำนวน 1,467,641,971 บาท
โดยมีปัจจัยมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม จนทำให้เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ ในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับการจัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวชายหาดที่สวยงามของโลก โดยมีเกาะกระดานในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นชายหาดที่มีความสวยงามในระดับโลก จึงส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอื่นๆ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน
อุทยานแห่งชาติที่สามารถจัดเก็บเงินได้สูงสุด 5 อันดับแรก
1. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 500,866,577 บาท
2. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 243,655,470 บาท
3. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 127,820,710 บาท
4. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 114,226,610 บาท
5. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 100,545,505 บาท

ข้อมูลจากศูนย์พัฒนาวิชาการด้านตลาดการท่องเที่ยว ระบุถึงเทรนด์ท่องเที่ยว ปี 2024 หัวข้อหนึ่งว่า 73% ของนักท่องเที่ยว ยังคงสนับสนุนแนวทางเพื่อความยั่งยืนต่อไป Booking.com เผยว่า หลังจากนี้นักท่องเที่ยวจะมีความชาญฉลาด และเพ่งเล็งนโยบายด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากขึ้น เทรนด์ความยั่งยืนยังคงได้ไปต่อบนเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2024
กว่า 53% ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านความยั่งยืน 60% ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากนโยบายด้านความยั่งยืนของธุรกิจท่องเที่ยว และยังรู้สึกดีกับแหล่งท่องเที่ยวที่มีพื้นที่สีเขียว อุดมด้วยต้นไม้ อากาศบริสุทธิ์ และมีกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อ้างอิง :
ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติทั้ง 5 แห่ง










