ชาวอเมริกันหลายแสนคน ต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บในช่วงที่ทั่วโลกเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสกันอย่างครึกครื้น หลังพายุฤดูหนาวพัดถล่มหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 37 ราย
ความคืบหน้าสถานการณ์พายุหิมะพัดถล่มสหรัฐฯ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดแม้สถานการณ์จะเริ่มทุเลาลงในหลายพื้นที่ แต่บริเวณฝั่งตะวันออกของประเทศยังคงวิกฤต ประชาชนมากกว่า 20,000 คน ตื่นมาในช่วงเช้าของวันคริสต์มาสและต้องพบว่าไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในขณะนี้อยู่ที่เมืองบัฟฟาโลในรัฐนิวยอร์ก โดยข้อมูลจากหน่วยงานสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (National Weather Service) ระบุว่า มีหิมะตกหนักถึง 43 นิ้วในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) ทำให้เส้นทางสัญจรในเมืองเป็นอัมพาต สถานีไฟฟ้าย่อยไม่สามารถจ่ายไฟได้ ขณะทางการกำลังเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ต้องติดอยู่ในรถยนต์และกองหิมะ พบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 12 ราย
มาร์ก โปลอนการ์ซ ผู้บริหารเขตอีรีในเมืองบัฟฟาโล เปิดเผยว่า แม้ทางการจะออกคำสั่งห้ามขับรถมาตั้งแต่วันศุกร์ (23 ธ.ค.) แต่มีประชาชนหลายร้อยคนติดอยู่ในรถของพวกเขาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ก็พบผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย ซึ่งเราคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากยังมีหลายคนที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือออกมาได้
โปลอนการ์ซ กล่าวว่า “ผมไม่อยากพูดว่าจะเป็นยังไงต่อ เพราะนี่อาจเป็นการเข้าใจผิดของผมที่จะพูดแบบนั้น แต่ที่เรารู้ตอนนี้คือ ยังมีคนติดอยู่ในรถมานานกว่า 2 วันและยังไม่สามารถออกมาได้ และมีอีกหลายคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในบ้านที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง”
“นี่ไม่ใช่คริสต์มาสที่เราคาดหวังหรือเคยคิดไว้เลย” โปลอนการ์ซ ระบุ
ขณะที่ เคธี โฮชูล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “นี่เป็นพายุที่สร้างความเสียหายรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองบัฟฟาโล นับตั้งแต่เกิดพายุหิมะพัดถล่มเมื่อปี 2520 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในตอนนั้นเกือบ 30 ราย”
โดยขณะนี้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิได้ส่งเจ้าหน้าที่ราว 200 นายเข้ามาปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือและกู้ภัยในเมืองบัฟฟาโล และบริเวณโดยรอบแล้ว แต่ต้องเผชิญกับอุปสรรคเนื่องจากหิมะยังคงมีความหนาอยู่มาก ทำให้หน่วยกู้ภัยติดอยู่ท่ามกลางหิมะ จนทางการต้องประกาศขอความช่วยเหลือไปยังประชาชนที่มีอุปกรณ์และรถเลื่อนหิมะเพื่อขอการสนับสนุนเพิ่มเติม
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และแคนาดา กำลังเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรงจากปรากฏการณ์ที่ถูกเรียกว่า ‘บอมบ์ไซโคลน’ (Bomb Cyclone) ซึ่งเกิดจากมวลอากาศเย็นทางเหนือมาปะทะกับมวลอากาศบริเวณเส้นศูนย์สูตรจนทำให้ความกดอากาศต่ำลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เกิดพายุหิมะ และลมพัดแรง อุณหภูมิลดต่ำลงสู่ระดับเยือกแข็ง ครอบคลุมพื้นที่เป็นระยะทางยาวกว่า 3,200 กิโลเมตร ตั้งแต่รัฐควิเบกของแคนาดาไปจนถึงรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 250 ล้านคน บ้านเรือนมากกว่า 1 ล้านหลังไม่มีไฟฟ้าใช้ เที่ยวบินนับพันเที่ยวบินต้องถูกยกเลิก ขณะมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 37 ราย โดยที่รัฐมอนตานา ทางตะวันตกของสหรัฐฯ ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำสถิติอุณหภูมิลดลงเป็น -45 องศาเซลเซียส
ที่มา: Reuters, CNN, Al Jazeera










