นายพลอเมริกันเตือนกองทัพ เตรียมรับมือสงครามจีนปะทุ คาดเปิดศึกกับสหรัฐฯ ปี 2568

นายพลอเมริกันเตือนกองทัพ เตรียมรับมือสงครามจีนปะทุ คาดเปิดศึกกับสหรัฐฯ ปี 2568

นายพลระดับ 4 ดาวของสหรัฐฯ เตือนกองทัพเตรียมรับมือ จีนส่อเปิดศึกในปี 2568 คาดไต้หวันเป็นชนวนจุดไฟสงคราม

สำนักข่าว NBC News รายงานว่า นายพลไมค์ มินิแฮน ผู้บังคับการกองบัญชาการทางอากาศของสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่า จีนอาจเปิดศึกทำสงครามกับสหรัฐฯ ในอีก 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังเสียสมาธิไปกับการเปลี่ยนประธานาธิบดีหลังการเลือกตั้ง โดยเมื่อถึงเวลานั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจใช้ประเด็นเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันมาเปิดทางแสดงความแข็งกร้าวทางทหาร 

ความคิดเห็นดังกล่าวของนายพลมินิแฮน ถูกระบุไว้ในเอกสารบันทึกภายในด้านกลาโหม ซึ่งหลุดออกมาเมื่อวันศุกร์ (27 ม.ค.) และมีการยืนยันจากกระทรวงกลาโหมในภายหลังว่า เป็นเอกสารจริงซึ่งถูกส่งไปยังผู้บัญชาการกองบินทางอากาศทุกหน่วยให้มีการวางแผนเตรียมรับมือ พร้อมกับสั่งการให้มารายงานความคืบหน้าของแผนการภายในวันที่ 28 ก.พ. 

“ผมหวังว่าสิ่งที่ผมคิดจะผิด สัญชาตญาณบอกผมว่าเราจะต่อสู้กันในปี 2568” นายพลมินิแฮนระบุในบันทึก  พร้อมกับเรียกร้องให้กองบัญชาการทางอากาศสหรัฐฯ ทุกหน่วย เตรียมความพร้อมสูงสุด โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อป้องปราบ และกำราบจีนให้ได้หากจำเป็น 

บันทึกดังกล่าว นับเป็นความคิดเห็นจากนายทหารระดับสูงสุดของกองทัพสหรัฐฯ ที่ออกมาเตือนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของจีน และสอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ หลายราย รวมถึงพลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การที่จีนแสดงพฤติกรรมยั่วยุต่อไต้หวันมากขึ้น อาจเป็นการเร่งกรอบเวลาที่จะเข้าควบคุมไต้หวันให้เร็วขึ้น 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บันทึกฉบับนี้ได้รับการเผยแพร่ออกมาทางสื่อ เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่า นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของนายพลมินิแฮน ที่ส่งต่อไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ไม่ใช่มุมมองของกระทรวงกลาโหมที่มีต่อจีน 

โดยพลจัตวา แพทริค ไรเดอร์  โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงถึงเรื่องนี้ว่า แม้สหรัฐฯ จะมองว่าการแข่งขันทางทหารกับจีนเป็นความท้าทายสำคัญ แต่จุดมุ่งเน้นของสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ที่การทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อรักษาภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่สงบสุข เสรี และเปิดกว้าง 

 

ที่มา : NBC News, Reuters

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง