
นิโกลัส มาดูโร
ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาขับไล่นักการทูตสหรัฐอเมริกาออกนอกประเทศ กล่าวหาบ่อนทำลายเวเนซุเอลา ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมตอบโต้ด้วยมาตรการเหมาะสม
วันนี้ (23 พ.ค. 61) สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายนิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ได้แถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ท้องถิ่น ประกาศขับไล่สองนักการทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงการากัสออกนอกประเทศ โดยกล่าวหาว่าทั้งคู่ร่วมกันวางแผนบ่อนทำลายระบบการเงินและการเมืองของประเทศเวเนซุเอลา

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเวเนซุเอลา ในกรุงการากัส
โดยนักการทูตที่ถูกขับไล่คือนายทอตด์ โรบินสัน อุปทูตในฐานะหัวหน้าคณะทูตสหรัฐฯ และนายไบรอัน นารันโฮ ผู้ช่วยหัวหน้าคณะทูตออกจากเวเนซุเอลาภายใน 48 ชั่วโมง ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า การกระทำดังกล่าวของผู้นำเวเนซุเอลาไม่เป็นไปตามพิธีการทูต โดยจะตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนตอบโต้ด้วยมาตรการที่เหมาะสม
ทั้งนี้ นายมาดูโรในวัย 55 ปี ทายาทการเมืองของนายฮูโก ชาเวซ อดีตประธานาธิบดีเวเนซุเอลาคนที่ 52 ผู้ล่วงลับ เพิ่งชนะการเลือกตั้งและได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาเป็นสมัยที่ 2 โดยประกาศชัยชนะท่ามกลางผู้สนับสนุนนับหมื่นคนไปเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ทางรัฐบาลวอชิงตันก็ได้ประกาศไม่ยอมรับชัยชนะการเลือกตั้งของผู้นำเวเนซุเอลาครั้งนี้เช่นกัน พร้อมประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่อีกด้วย

นิโกลัส มาดูโร ประกาศชัยชนะหลังได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2
ตามรายงานระบุว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งของนายมาดูโร และกำลังพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ของเวเนซุเอลากระทำการทุจริตผ่านการขายพันธบัตร เนื่องจากเวเนซุเอลากำลังเผชิญกับการคอรัปชั่นครั้งใหญ่ ทำให้ให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลงในขณะนี้
นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนในภูมิภาคเดียวกันอย่างชิลี ได้ออกแถลงการณ์ว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาขาดความชอบธรรม ไม่โปร่งใส และไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
สำหรับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา สั่งห้ามพลเมืองอเมริกันในสหรัฐฯ หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ซื้อพันธบัตรของรัฐบาลเวเนซุเอลา หรือเข้าถือหุ้นในบริษัทสัญชาติเวเนซุเอลา

สถานีเติมน้ำมันของบริษัท CITGO ในเครือ PDVSA รัฐวิสาหกิจของเวเนซุเอลา









