ประเด็นคือ – ซีอีโอเฟซบุ๊ก ออกมายอมรับ กรณีเรื่องอื้อฉาวที่ข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานเฟซบุ๊กกว่า 50 ล้านคน ไปอยู่ในมือของบริษัทที่ช่วย “ทรัมป์” หาเสียง
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเฟซบุ๊ก โพสต์แถลงการณ์บนเพจส่วนตัวล่าสุดในวันนี้ (22 มี.ค. 61) ตามเวลาท้องถิ่น โดยแถลงการณ์มีสาระสำคัญ เรื่องการยกระดับมาตรการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้งานบนเฟซบุ๊ก หลังเกิดกรณีรายงานข่าวว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา (Cambridge Analytica) บริษัทวิเคราะห์การเมือง ซึ่งทำแคมเปญ ให้กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วงลงชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊กได้ถึง 50 ล้านคน
โดยแถลงการณ์ของมาร์ก ระบุว่า จะมีและการเพิ่มแถบเครื่องมือพิเศษ เพื่อให้เจ้าของบัญชีสามารถควบคุมความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งเขายืนยันว่า “ถ้าทำไม่ได้ เราก็ไม่คู่ควรที่จะให้บริการกับพวกคุณต่อไป” We have a responsibility to protect your data, and if we can’t then we don’t deserve to serve you.
https://www.facebook.com/zuck/posts/10104712037900071
นอกจากนี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยอมรับด้วยว่า เฟซบุ๊กมีมาตรการป้องกันข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2557 แต่ยังคงมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ถือเป็นครั้งแรก ที่ซีอีโอเฟซบุ๊ก ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับ “การละเมิดความไว้วางใจ”
การรั่วไหลทางข้อมูลบนโลกไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นของเฟซบุ๊กร่วงลงดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ เกือบ 8 % ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานว่า เรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของเฟซบุ๊กลดลงไปกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 160,000 ล้านบาท นอกจากนี้ สภายุโรป ได้เชิญ มาร์ก ไปชี้แจงข้อมูลเรื่องข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 50 ล้านคน ตกไปอยู่ในมือของบริษัท แคมบริดจ์ อนาลิติกา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง










