
ประเด็นคือ – ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ในสหรัฐฯ กว่า 8,000 สาขา เตรียมปิดชั่วคราวในช่วงกลางวันในเดือนหน้า เพื่ออบรมพนักงานเรื่อง “อคติทางเชื้อชาติ”
วันที่ 18 เม.ย. 61 สื่อต่างประเทศรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ผู้จัดการร้านสตาร์บัคส์ที่เมืองฟิลาเดเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แจ้งตำรวจจับชายผิวสี 2 คน ที่เข้ามานั่งในร้านโดยไม่สั่งเครื่องดื่มในข้อหาบุกรุก ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และการประท้วงคว่ำบาตรเรื่องการเลือกปฏิบัติของพนักงานสตาร์บัคส์ ล่าสุดทางบริษัทได้ออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และมีประกาศให้ปิดร้านสตาร์บัคส์กว่า 8,000 สาขา ในช่วงกลางวันเดือนหน้าเพื่ออบรมพนักงานเรื่องอคติทางเชื้อชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการเลือกปฏิบัติในร้านสตาร์บัคส์
We apologize to the two individuals and our customers for what took place at our Philadelphia store on Thursday. pic.twitter.com/suUsytXHks
— Starbucks (@Starbucks) April 14, 2018
นายเควิน จอห์นสัน ประธานบริหารของสตาร์บัคส์ กล่าวว่า เขาได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ผิดพลาดและวิธีการแก้ไขมัน ทั้งนี้นายจอห์นสันได้ใช้เวลาในฟิลาเดเฟีย และพบกับชายทั้งสองคนที่ถูกจับกุมแล้ว โดยการพูดคุยระหว่างทนายของชายสองคนดังกล่าวและสตาร์บัคส์ก็เป็นไปได้ด้วยดี และผู้จัดการร้านที่แจ้งตำรวจก็ได้ลาออกจากบริษัทแล้ว
ขณะที่สตาร์บัคส์ทุกสาขาและสำนักงานในสหรัฐฯ จะปิดให้บริการชั่วคราวเพื่ออบรมพนักงานในวันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พนักงานเกือบ 175,000 คน รวมทั้งพนักงานใหม่ในอนาคตจะได้รับการอบรมเรื่องอคติทางเชื้อชาติ การต่อต้านการเลือกปฏิบัติ การทำให้ทุกคนในร้านสตาร์บัคส์รู้สึกปลอดภัยและเป็นที่ต้อนรับ การปิดร้านครั้งนี้จะทำให้สตาร์บัคส์เสียรายได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 624 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 2015 สตาร์บัคส์เคยมีโครงการรณรงค์ที่มีชื่อว่า “Race Together” เพื่อร่วมสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติ โดยให้พนักงานเขียนข้อความบนแก้วกาแฟ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนจะได้ตระหนักถึงปัญหาเรื่องเชื้อชาติมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC









