
สหรัฐฯ พร้อมเลิกแบน 7 ปี “ZTE” บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่จากจีน แต่ต้องจ่ายค่าปรับ 900 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากละเมิดกฎห้ามส่งสินค้าไปขายให้อิหร่าน เผยไม่ได้มีเจตนาลงโทษ ZTE ที่อาจต้องปิดกิจการ
หลังมีปัญหาเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา จากกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งห้ามบริษัทสัญชาติอเมริกันทุกแห่ง ขายอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หรือการค้าใดๆ กับบริษัท ZTE บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน เป็นเวลา 7 ปี เนื่องจากพบว่า ZTE ละเมิดกฎการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ส่งสินค้าไปยังอิหร่าน
ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความว่า ตัวเขาและ ปธน.สี จิ้นผิง ของจีน กำลังทำงานร่วมกัน เพื่อให้ ZTE กลับมาทำธุรกิจในสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง
President Xi of China, and I, are working together to give massive Chinese phone company, ZTE, a way to get back into business, fast. Too many jobs in China lost. Commerce Department has been instructed to get it done!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) 13 พฤษภาคม 2561
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 61 ว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะยุติมาตรการคว่ำบาตร 7 ปี ต่อบริษัท ZTE ตามที่ ปธน.ทรัมป์ ได้เคยสัญญาไว้ แต่ ZTE จะต้องเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการและต้องจ่ายค่าปรับแก่สหรัฐฯ เสียก่อน
โดย ZTE จะต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงินสูงถึง 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 28 พันล้านบาท สำหรับการละเมิดข้อห้ามการค้าและขายอุปกรณ์ไปยังอิหร่าน แต่ถือเป็นเรื่องดี เพราะมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวทำให้ ZTE ได้รับผลกระทบอย่างหนักจนอาจต้องปิดกิจการลง เนื่องจากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากบริษัทสัญชาติอเมริกันจำนวนมาก และถือเป็นการยุติความขัดแย้ง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ ขณะเดียวกันจีนเพิ่งประกาศยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าด้านการเกษตรจากสหรัฐฯ ด้วย
ปัจจุบัน ZTE เป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐฯ ขณะที่สื่อรายงานว่า ทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไม่ได้มีเจตจาใดๆ ที่จะทำให้ ZTE ต้องปิดกิจการในสหรัฐฯ ซึ่งหากเป็นไปตามข้อตกลงแล้ว คาดว่า ZTE จะกลับมาผลิตเร็วๆ นี้









