‘สี จิ้นผิง’ ชี้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่ใช่สวนดอกไม้หลังบ้านใคร ชี้แนวคิด ‘สงครามเย็น’ กำลังกลับมา

‘สี จิ้นผิง’ ชี้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่ใช่สวนดอกไม้หลังบ้านใคร ชี้แนวคิด ‘สงครามเย็น’ กำลังกลับมา

จับตาท่าทีจีน-สหรัฐฯ ในการประชุมเอเปค ‘สี จิ้นผิง’ เขียนแถลงการณ์ย้ำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องไม่ใช่สวนดอกไม้หลังบ้านของใคร และปาฏิหาริย์เอเชียแปซิฟิกจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้ามีบรรยากาศแบบสงครามเย็นกลับมาในภูมิภาคอีกครั้ง
.
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เขียนสุนทรพจน์ส่งถึงการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจเอเปค (APEC CEO Summit) เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) โดยตอนหนึ่งระบุว่า สถานการณ์เอเชียแปซิฟิกมีความมั่นคงโดยภาพรวม ความร่วมมือภูมิภาคมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาอย่างสันติ ความร่วมมือแบบวิน-วินเป็นกระแสหลัก ในขณะเดียวกัน โลกกำลังเข้าสู่ระยะการแปรปรวนและเปลี่ยนแปลง ความตึงเครียดของภูมิรัฐศาสตร์และการแปรผันของโครงสร้างเศรษฐกิจได้ซ้อนซับกัน ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมการพัฒนาและโครงสร้างความร่วมมือของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
.
ในช่วงหนึ่ง ประธานาธิบดีจีนชี้ว่า แนวคิดสงครามเย็น ลัทธิครองความเป็นใหญ่ ลัทธิเอกภาคีนิยม ลัทธิอนุรักษนิยมได้กลับมาฟื้นตัวอีก พฤติกรรมที่บ่อนทำลายกฎระเบียบสากลและความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ หนุนหลังการปะทะกันในภูมิภาค ขัดขวางความร่วมมือในการพัฒนาได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งไม่หยุด เป็นความท้าทายต่อสันติภาพและการพัฒนาของเอเชียแปซิฟิก

https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/pfbid0aCyHDkc52xg899AyFEwTCFCx6NFFcDApfSVFH4xfkqLixCAbgXrzhhdiNWG6PKtCl

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่ใช่สวนดอกไม้ของใครสักคน ไม่ควรกลายเป็นพื้นที่ถ่วงดุลอำนาจของประเทศใหญ่ ความมุ่งหวังที่สร้าง “สงครามเย็นใหม่” ประชาชนจะไม่ยอมรับแน่นอน ยุคสมัยก็ไม่อนุญาตแน่นอนเหมือนกัน
.
นอกจากนี้ผู้นำจีนยังชี้ว่า การเปิดกว้างจะนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้า การปิดกั้นจะทำให้ล้าหลัง ขัดขวางจนทำลายห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานที่มีมาตั้งนานแล้วของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ล่มสลาย ย่อมจะส่งผลให้ความร่วมมือเศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิกเข้าสู่ทางตัน
.
แม้ว่าประธานาธิบดีจีนจะไม่ได้ระบุถึงชาติใดเป็นพิเศษ แต่ที่ผ่านมาเป็นที่ทราบดีว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเกิดการแข่งขันอิทธิพลระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างทั้งสองชาติ

https://www.facebook.com/usembassybkk/posts/pfbid036GwsCAi2aTRYxR354qdYqsrAFbECZjiFruDbEPeTMDTh5SABeCkNnRXUXtQMhBYKl

แม้ในการประชุมเอเปคครั้งนี้ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่ได้เดินทางเข้าร่วมด้วยตัวเอง แต่ได้ส่งนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุม และเพิ่งเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อคืนวานนี้ (17 พ.ย.)
.
รายงานระบุว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนจะรับรองความมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเวทีเอเปค และหารือในประเด็นเมียนมาและข้อพิพาททะเลจีนใต้ นอกจากนี้ เธออาจหารือร่วมกับผู้นำเอเปคถึงผลกระทบจากสงครามยูเครน ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาขาดแคลนอาหารและพลังงาน
.
ขณะเดียวกัน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคเมื่อวานนี้ว่า ยืนยันถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างการเติบโตที่สมดุล ทั่วถึง และยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นงานสำคัญ เพราะเขตเศรษฐกิจเอเปค มีประชากรรวมคิดเป็นร้อยละ 38 ของประชากรโลกทั้งหมด และมีมูลค่าการค้าเกือบครึ่งหนึ่งของโลก
.
ที่มา Xinhua, The Straits Times, VOA, U.S. Embassy Bangkok

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง