กลาโหมสหรัฐฯ คาดการณ์จีน ตั้งเป้ามีหัวรบนิวเคลียร์ 1,000 ลูก มากกว่าที่ประเมินปีที่แล้ว 5 เท่า

กลาโหมสหรัฐฯ คาดการณ์จีน ตั้งเป้ามีหัวรบนิวเคลียร์ 1,000 ลูก มากกว่าที่ประเมินปีที่แล้ว 5 เท่า

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประเมินจีนอาจมีหัวรบนิวเคลียร์อย่างน้อย 1,000 ลูก ภายในปี 2030 ท่ามกลางการจับตาการพัฒนาอาวุธไฮเปอร์โซนิก และสถานการณ์ตึงเครียดกับไต้หวันและทะเลจีนใต้

วันที่ 4 พ.ย. 2564 เว็บไซต์ Politico รายงานอ้างการประเมินของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ล่าสุดที่ชี้ว่า ทางการจีนกำลังขยายศักยภาพหัวรบนิวเคลียร์ โดยเชื่อว่าภายในปี 2030 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า จีนอาจมีหัวรบนิวเคลียร์มากถึงอย่างน้อย 1,000 ลูก ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่สหรัฐฯ เคยประเมินไว้เมื่อปีที่แล้วถึง 5 เท่าตัว

รายงานยังระบุด้วยว่า ทางการจีนมีแนวโน้มปรับนโยบายการใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยอาจเปิดทางให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ง่ายขึ้น เช่น การอนุญาตยิงหัวรบนิวเคลียร์เพื่อส่งสัญญาณเตือน ในกรณีที่เซ็นเซอร์ของจีนตรวจจับขีปนาวุธในพื้นที่

รายงานของสื่อสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า จีนกำลังเน้นพัฒนายุทโธปกรณ์ทางน้ำ ซึ่งอาจเพิ่มความกังวลมากขึ้นไปอีกในปัจจุบัน ที่จีนกำลังมีความตึงเครียดกับไต้หวัน รวมถึงสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) นายพลมาร์ค มิลลีย์ ประธานเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ เพิ่งออกมาวิเคราะห์ว่า แม้กองทัพจีนน่าจะยังไม่มีแนวโน้มรุกรานไต้หวันในระยะเวลาอันใกล้ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือจีนกำลังพัฒนาศักยภาพทางการทหารเพื่อเป็นมหาอำนาจด้านอาวุธโดยเร็วที่สุด

ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของจีนประเมินว่า ปี 2027 หรืออีก 6 ปีข้างหน้าจะเป็นหมุดหมายสำคัญในการประกาศศักดาของกองทัพจีน เนื่องจากจะครบรอบ 100 ปี กองทัพปลดแอกประชาชนจีนพอดี ขณะที่ก่อนหน้านี้ผู้นำจีนประกาศว่า ภายในปี 2050 จีนจะต้องเป็นมหาอำนาจของโลกด้านกองทัพ

workpointTODAY เพิ่งสรุปเรื่องเทคโนโลยีไฮเปอร์โซนิก ซึ่งถูกจับตาว่าจีนกำลังพัฒนาเทคโนโลยีชนิดนี้ในฐานะอาวุธ ซึ่งอาจทำให้จีนได้เปรียบด้านกำลังทหารมากกว่าประเทศอื่น ติดตามที่คลิปนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง
TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง