‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นคนที่ประกาศเสมอว่าเขาไม่เชื่อเรื่องโลกร้อน และมีรายงานข่าวออกมาว่าคณะทำงานของเขากำลังเตรียมคำสั่งและประกาศเกี่ยวกับการที่สหรัฐอเมริกาจะถอนตัวจากข้อตกลงปารีสที่ทุกประเทศสมาชิกจะร่วมมือกันช่วยลดอุณหภูมิโลก
ทั้งที่ตอนนี้มีรายงานออกมายืนยันแล้วว่า อากาศแปรปรวนสุดขั้วทำเศรษฐกิจโลกสูญเสียมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปี และรายงานยังชี้ว่า สหรัฐอเมริกานั้นอ่วมสุดในทางเศรษฐกิจที่ต้องสูญเงินไปมากถึง 9.34 แสนล้านดอลลาร์
โครงการติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส (Copernicus Climate Change Service: C3S) ของสหภาพยุโรป รายงานว่าปี 2567 จะเป็นปีที่โลกมีอุณหภูมิสูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติ และเป็นระดับอุณภูมิโลกที่สูงกว่าในปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มตระหนักว่าอุณหภูมิโลกใกล้เขตอันตราย
ประเด็นภาวะอากาศแปรปรวนเป็นประเด็นสำคัญระดับโลกที่ทำให้แต่ละประเทศต้องมาประชุมหาทางรับมือกันทุกปี โดยปีนี้กำลังมีการประชุม COP29 (การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29) ที่เปิดประชุมอย่างเป็นทางการแล้วที่ กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน
เวทีที่มีผู้นำจากประเทศต่างๆ รวมตัวกันเพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงสุดขั้ว
ในการประชุมนี้มีการเปิดเผยรายงานถึงเศรษฐกิจโลกที่สูญเสียจากปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนจากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดจากสภาพอากาศสุดขั้วทำให้เศรษฐกิจโลกสูญเสียมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีมานี้ และสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงที่สุด
โดยในรายงานได้ประมาณการความเสียหายรวมของโลกในช่วงปี 2557-2566 ว่า เทียบเท่าวิกฤตการณ์การเงินโลกในปี 2551 เลยทีเดียว นั่นทำให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจำเป็นต้องตอบสนองด้วยความรวดเร็วและเด็ดขาด
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ตรวจสอบเหตุการณ์เกือบ 4,000 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คน 1.6 พันล้านคน และความเสียหายของเศรษฐกิจโลกก็พุ่งสูงขึ้นเร็วในช่วงเวลาไม่กี่ปี เฉพาะปี 2565-2566 พบว่าตัวเลขความเสียหายมากถึง 4.5 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับ 8 ปีก่อนหน้า
เฉพาะสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวพบว่าได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาวะโลกแปรปรวนทางอากาศ มากถึง 934,700 ล้านดอลลาร์ รองลงมา คือ จีนที่ 267,900 ล้านดอลลาร์ และอินเดีย 112,000 ล้านดอลลาร์
รายงานยังพบว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมากไปอีก หากเจอภัยพิบัติจากสภาพอากาศเลวร้ายเพียงครั้งเดียวก็มักจะสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าจีดีพีประจำปีของประเทศ
ในรายงานสรุปชัดว่า ข้อมูลที่ได้รวบรวมมาตลอด 10 ปี สรุปให้เห็นว่าโลกสูญเสียทางเศรษฐกิจมากแค่ไหนจากสภาพอากาศแปรปรวน แสดงให้เห็นชัดเจนว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาในอนาคต แต่ส่งผลจริงต่อเศรษฐกิจปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามตอนนี้สหรัฐอเมริกาที่เพิ่งได้ผู้นำประเทศคนใหม่ถูกจับตาอย่างมากถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เพราะมีข่าวว่านอกจาก โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะถอนตัวจากข้อตกลงปารีสฉบับปี 2558 ซึ่งเป็นข้อตกลงความร่วมมือสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ก็ยังมีข่าวว่า จะมีการสั่งให้ลดขนาดอนุสรณ์สถานแห่งชาติบางแห่งเพื่อให้สามารถทำการขุดเจาะและทำเหมืองได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สวนทางกับกลุ่มที่รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมที่พยายามจะให้หลายประเทศลดการใช้พลังงานดั้งเดิมอย่างฟอสซิลให้มากขึ้น
สามารถอ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่ Economic cost of extreme weather report










