
จากกรณีที่นายสุนันท์ รามดร หรือกำนันไข่ วัย 65 ปี ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยิง นางจินดา ทองพรหม อายุ 61 ปี, นางพรทิพย์ ภูวิชิต อายุ 38 ปี ลูกสาวนางจินดา และ ด.ญ.นัยปพร ภูวิชิต อายุ 13 ปี ลูกสาวของนางพรทิพย์ เหตุเพราะปมหนี้สิน 13 ล้านบาท โดยลูกสาวคนโตวัย 15 ปี และลูกชายวัย 12 ปี รอดตายหวุดหวิดเพราะวิ่งหนีจากโต๊ะกินข้าวได้ทัน

วันที่ 10 พ.ย. เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จว.ชุมพร เดินทางไปที่ สภ.เมืองชุมพร สถานที่คุมขังตัวนายสุนันท์ เพื่อร่วมสอบปากคำเพิ่มเติมถึงมูลเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ โดยมี พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียรรอง ผกก.สอบสวน (ชำนาญการ) สภ.เมืองชุมพร ร่วมสอบด้วย
นายสุนันท์ ได้ให้การว่า ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อน ตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน และมีนางจินดา เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมทำงานด้วยกันด้วยสุจริตใจเพื่อช่วยเหลือกันทั้งงานราชการและงานส่วนตัว ตนเองเคยให้นางจินดายืมเงินไปซื้อปุ๋ย และอื่นๆ หากหมุนเงินไม่ทัน ซึ่งทุกครั้งก็คืนเงินปกติ จนกระทั่งตนไปเป็นกำนันและเกษียณอายุ

ส่วนนางพรทิพย์ ซึ่งเป็นลูกสาวของนางจินดาได้มายืมเงินตนเช่นกัน ตนถือว่าเป็นหลานก็ให้ยืมและได้เงินคืน แต่ต่อมานางพรทิพย์ มาพูดทำนองว่ามีญาติสนิท ชื่อกนกวรรณ หรือนก อยู่อเมริกา ต้องการใช้เงินเพื่อไปทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน เนื่องจากสามีชาวต่างชาติเสียชีวิตลงและมอบให้เป็นมรดก “นก” จึงจะขายที่ดินเพื่อกลับประเทศไทย คาดได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เมื่อนางพรทิพย์มาเล่าให้ฟัง ครั้งแรกตนก็ให้โอนเงินให้เป็นยอดเงินแสนบาท
จากนั้น ก็โอนเงินให้อีกหลายครั้งโดยผ่านมือนางพรทิพย์ทุกครั้ง เพราะอ้างว่านกยังติดขัดการขายที่ดิน ซึ่งเมื่อทวงถามนางพรทิพย์จะทำทีคุยโทรศัพท์ไปที่นกทุกครั้ง ตนเองกลัวเงินเก่าจะไม่ได้คืน เลยต้องเอาเงินมาเพิ่มให้อีกเป็นแบบนี้หลายๆ ครั้ง จนครั้งหนึ่งมีคนอ้างว่าชื่อ นก โทรมาที่ตนและรู้ด้วยว่าตนเองขายทุเรียนได้หลายล้านบาท โดยโทรมายกแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมตนเอง เรื่องเงินที่จะได้ และเงินที่ต้องใช้ระหว่างดำเนินการ

จุดเกิดเหตุบุกมายิงที่โต๊ะกินข้าวทำให้เด็กเสียชีวิตด้วย
จนล่าสุดก่อนวันเกิดเหตุ ตนเองได้ไปพูดคุยกับนางพรทิพย์เรื่องเงิน ที่นางพรทิพย์ รับปากว่า นก จะโอนมาให้วันนี้ แต่พอไปเข้าจริงกลับถูกบ่ายเบี่ยง แถมยังพูดแบบไม่ใยดีอีกด้วย ทำให้ตนเองคุมสติไม่อยู่ คว้าปืนที่พกอยู่ตลอดยิงแบบไม่ยั้งด้วยความโมโหที่ถูกเด็กรุ่นหลานที่เชื่อถือกันมาหลอก และหลังก่อเหตุก็มามอบตัวซึ่งตนเองยอมรับในการกระทำในครั้งนี้

ลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็กวิ่งหนีรอดได้หวุดหวิด
ด้าน พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ตร.ชุมพร เปิดเผยหลังสอบสวนนายสุนันท์ ว่า ผู้ก่อเหตุได้สารภาพทุกอย่าง โดยมูลเหตุก็เพราะถูกนางพรทิพย์ หลอกเอาเงินไป โดยสร้างเรื่องขึ้นมาว่ามีคนที่อยู่เมืองนอกเดือดร้อนต้องการใช้เงิน เพื่อนำไปดำเนินการเรื่องที่ดินที่ต้องการจะขาย เป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท แล้วจะกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วจะคืนให้ แต่จนแล้วจะรอด หลายครั้งที่ให้เงินไป ถึง 13 ล้านบาท ก็ไร้วี่แววที่จะคืน ลักษณะเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เป็นคล้ายพฤติกรรมของกลุ่มคนที่ชอบหลอกลวงเอาเงินจากผู้อื่นโดยเอาเงินหรือทรัพย์สินจำนวนมากมาล่อ ในวงการเรียกว่า “แก๊งควาย”
ทั้งนี้ ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อมอันเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด เพื่อจะได้สรุปสำนวนซึ่งจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายโดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา คือ 1.พยายามฆ่า 2.ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง 3.พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ไว้ก่อน ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ต้องรอพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินการได้เมื่อไหร่และขึ้นกับผู้ต้องหาด้วยว่าพร้อมหรือไม่









