สหรัฐฯ รับบทตัวกลางในการเจรจาสันติภาพ ระหว่างอิสราเอลและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หวังนำไปสู่ความสงบสุขในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล และเจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด อัล-นาห์ยัน มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อเริ่มความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและยูเออีอย่างเป็นทางการ
มีการเผยแพร่เอกสารที่ระบุถึงความร่วมมือในครั้งนี้ ผ่านทางทวิตเตอร์ของปธน.ทรัมป์ ที่ให้คำจำกัดความว่าเป็นสนธิสัญญาฉบับประวัติศาสตร์ระหว่างเพื่อนทั้งสองของสหรัฐฯ
Joint Statement of the United States, the State of Israel, and the United Arab Emirates pic.twitter.com/oVyjLxf0jd
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) August 13, 2020
อิสราเอลมีความขัดแย้งกับประเทศมุสลิมในภูมิภาคมาตั้งแต่อดีต แม้จะเริ่มมีการร่วมมือกันในด้านต่างๆ กับทางยูเออีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางการทูตมาก่อน
รายละเอียดของประกาศฉบับนี้มีการพูดถึงความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การท่องเที่ยว การเปิดเที่ยวบินตรง ความมั่นคง การติดต่อสื่อสาร เทคโนโลยี พลังงาน สาธารณสุข วัฒธรรม สิ่งแวดล้อม รวมถึงการตั้งสถานทูตเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์
และส่วนที่สำคัญที่สุดคือ การที่อิสราเอลตกลงจะระงับแผนผนวกดินแดนในเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกับปาเลสไตน์มาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ทำสัญญาด้านสันติภาพกับอียิปต์ในปี 1979 และจอร์แดนในปี 1994 โดยยูเออีนับเป็นประเทศที่ 3 ในตะวันออกกลางและเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีอีกด้วย










