ไม่กี่วันก่อน จีนได้ประกาศข้อกำหนดใหม่ ให้หน่วยรัฐยกเลิกใช้คอมพิวเตอร์ของต่างประเทศ และหันมาใช้คอมพิวเตอร์ท้องถิ่นของจีนเท่านั้น
ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อยกเลิกการใช้ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ และหนุนให้หันมาใช้สินค้าท้องถิ่นมากขึ้น
มาตรการที่เพิ่งออกล่าสุดนี้ เป็นการเคลื่อนไหวอีกก้าวหนึ่งของรัฐบาลจีน ที่อยากจะประทับตรา Made-in-China ลงไปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่เป็นเซ็กเตอร์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของประเทศ
ซึ่งจีนพยายามอย่างมากที่จะก้าวเป็นผู้นำในเรื่องเทคโนโลยีอยู่แล้ว โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จีนได้เข้าไปควบคุมบริษัทที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตมากมาย
ซึ่งรวมไปถึงยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba เพื่อควบคุมธุรกิจเหล่านี้ให้เป็นไปตามมาตรการของรัฐ
การออกประกาศแบนคอมฯ จากต่างชาติ นั่นหมายความว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า คอมพิวเตอร์ที่มีระบบเทคโนโลยีจากต่างประเทศจำนวน 50 ล้านเครื่อง จะถูกแทนที่ด้วย PC แบรนด์ของจีนที่ใช้ระบบปฏิบัติการท้องถิ่นแทน
ถึงแม้ข้อกำหนดนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในจีนได้อย่างแน่นอน แต่คำถามก็คือ นโยบายนี้จะช่วยให้จีนสามารถเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีในระดับโลกได้จริงหรือ?
[ แล้วจีนใช้ชิปของต่างประเทศได้มั้ย? ]
ถ้ามองเข้าไปในประกาศดังกล่าว กฤษฎีกาที่ออกมานี้ไม่ได้มีการพูดถึง หรือห้ามใช้ไมโครโปรเซสเซอร์จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ซับซ้อนและสำคัญมากในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
ทำให้นี่อาจจะเป็นช่องโหว่สำหรับหน่วยงานที่ถูกบังคับให้ซื้อคอมพิวเตอร์จีน
คือใช้เครื่อง ใช้ระบบในประเทศ แต่ชิปก็ยังใช้ของต่างประเทศอยู่ดี
ทั้งนี้ แม้ว่าจีนจะพยายามพัฒนาและลงทุนในชิปหลายแสนล้านเหรียญมากว่า 20 ปี แต่อุตสาหกรรมชิปของจีนยังคงตามหลังประเทศอื่นๆ
แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตท้องถิ่นบางราย เช่น Yangtze Memory Technology Corp. จะเริ่มผลิตชิปหน่วยความจำแล้ว
แต่นั่นเป็นชิปที่ได้มาตรฐานทั่วไป มีความซับซ้อนน้อยกว่าชิปลอจิกขั้นสูงที่สามารถประมวลผลข้อมูลมากๆ ได้ ซึ่งจีนมีชิปประเภทนี้น้อยกว่า 1% ของตลาดโลกด้วยซ้ำ
ดังนั้น การบังคับให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจซื้อคอมพิวเตอร์ที่มีชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ก็คงไม่ทำให้สมการของเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่
และถ้าดูในตอนนี้ มาตรการนี้ก็อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สัญชาติจีนอย่าง Lenovo และ Huawei มากกว่า (เพราะคุณภาพได้มาตรฐาน) ซึ่งตอนนี้ Lenovo ก็ครองตลาดในจีนไปแล้ว 40% หรือสามเท่าของ Dell
แต่มาตรการใหม่นี้ จีนหวังที่จะดันผู้ผลิตระบบปฏิบัติการท้องถิ่นอย่าง China Standard Software ในเซี่ยงไฮ้ ที่ออกแบบโดย NeoKylin ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ Windows ของ Microsoft Corp. มากกว่าพวก Lenovo หรือ Huawei
โดยในปี 2015 ที่ผ่านมา มีพีซีอย่างน้อย 40% ของ Dell ในประเทศจีน มีการติดตั้งระบบของ NeoKylin ที่ติดตั้งกับ Linux ไว้ล่วงหน้า
บ่งบอกว่า คอมพิวเตอร์ท้องถิ่นกำลังได้รับความนิยม และจีนเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์หลักที่ใช้ในการรันคอมพิวเตอร์
แต่การสร้างระบบปฏิบัติการไม่ใช่ความสำเร็จทางเทคโนโลยีเหมือนในอดีต
อย่าง Linux เองเป็นซอฟต์แวร์ระบบแบบ open source ซึ่งหมายความว่าบริษัทไหนๆ ก็สามารถนำโค้ดหลักของ Linux มาดัดแปลงเป็นระบบของตัวเองได้ เช่น ระบบปฏิบัติการ Android ของ Alphabet Inc. ก็ใช้โค้ดของ Linux เช่นกัน
[ ผลกระทบของมาตรการใหม่กับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ ]
ถึงแม้มาตรการนี้จะทำให้ยอดซื้อซอฟต์แวร์ และคอมพิวเตอร์ของ Microsoft กับ Dell และบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐฯ ลดลง แต่ก็ไม่น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมอะไรให้บริษัทอเมริกันที่แข็งแกร่งทางเทคโนโลยีได้
เพราะถึงแม้จีนจะมีประชากรมากที่สุดในโลก และมีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 แต่รายได้ของ Microsoft ก็มาจากจีนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Microsoft บอกว่ามีสัดส่วนรายได้จากจีนเพียง 1.8% และหลังจากนั้นตัวเลขก็ไม่ได้ขยับขึ้นมากมายเท่าไหร่
รวมถึง Dell และ HP เองก็คงไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะมีรายได้จากจีนเป็นสัดส่วนเพียง 0.16% และ 0.23% ตามลำดับเท่านั้น
นอกจากนี้ พีซีไม่ได้มีความสำคัญต่อผลกำไรของบริษัทอีกต่อไป อย่าง Dell ที่ตอนนี้โฟกัสกับบริการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เช่น เซิร์ฟเวอร์และสวิตช์เครือข่าย จึงทำให้พีซีมีบทบาทค่อนข้างน้อย
กลับกัน บริการคลาวด์กลายเป็นศูนย์กลางและเป็นที่สนใจของการพัฒนาเทคโนโลยี อย่าง Microsoft ที่ตอนนี้ครองตลาดระบบปฏิบัติการสำหรับผู้บริโภค ได้ย้าย Windows ไปอยู่กลุ่มสินค้าและบริการ ‘More Personal Computing’ ที่คิดเป็น 32% ของรายได้ แต่ยังมีสัดส่วนน้อยกว่ากลุ่มสินค้าและบริการธุรกิจคลาวด์อัจฉริยะซึ่งอยู่ที่ 36%
[ สรุปว่าจุดประสงค์ของมาตรการนี้ต้องการจะสื่ออะไร? ]
ในปีที่ผ่านมา แล็บท็อปและคอมพิวเตอร์ระบบท้องถิ่นในจีนขายไปเพียง 57 ล้านเครื่อง เพราะฉะนั้นมาตรการคำสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ระบบท้องถิ่นจำนวน 50 ล้านเครื่องในช่วง 2-3 ปี จะเป็นโอกาสอันดีสำหรับแบรนด์พีซีในประเทศ
อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบใหม่นี้เป็นตัวอย่างของการกระตุ้นเศรษฐกิจ มากกว่าจะเป็นการกระตุ้นการพัฒนาของเทคโนโลยีของประเทศอย่างแท้จริง
เพราะคู่แข่งยักษ์ใหญ่ในหลายๆ แบรนด์ แทบไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการใหม่นี้เลย
หรือจริงๆ แล้ว จีนอาจจะต้องกลับไปคิดถึงจุดประสงค์และผลกระทบของมาตรการนี้ใหม่หรือไม่?
ที่มา :










