สหรัฐฯ รับปีใหม่ด้วยเหตุการณ์สะเทือนขวัญสองเหตุการณ์ติด ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เริ่มตั้งแต่เหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนฝูงชนในเมืองนิวออร์ลีนส์ช่วงเช้าตรู่ของวันปีใหม่ จนถึงเหตุการณ์รถยนต์ไซเบอร์ทรัก ‘เทสลา’ ระเบิดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเทอร์เนชันแนล ในเมืองลาสเวกัส ที่เกิดขึ้นในช่วงสายของวันเดียวกัน
ทั้งสองเหตุการณ์กำลังถูกตั้งคำถามว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจมีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย เพราะอะไรจึงเกิดประเด็นคำถามเหล่านี้ขึ้นมา การสืบสวนคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เราสรุปจบเรื่องที่รู้มาจนถึงตอนนี้ไว้ในโพสต์เดียว
เริ่มจากเหตุการณ์ใหญ่ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับคนทั่วโลก หลังจากที่ชายคนหนึ่งขับรถกระบะพุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่มาร่วมเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ ซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชื่อเสียงของเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา
ตอนนี้ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 15 ราย และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 35 คน โดยขณะเกิดเหตุคนร้ายมีการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถูกวิสามัญฆาตกรรมในเวลาต่อมา
FBI ระบุตัวตนผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์ พบเชื่อมโยง ISIS
หลังการสืบสวน สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ ได้เผยชื่อผู้ก่อเหตุออกมาแล้วว่า คือนายชัมซุด ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี มาจากเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส
โดยนายจับบาร์มีประวัติ เคยรับราชการในกองทัพสหรัฐฯ มานาน 13 ปี และเป็นทหารผ่านศึกที่เคยถูกส่งไปรบที่อัฟกานิสถานในช่วงเดือน ก.พ. 2009 – ม.ค. 2010 ก่อนที่เขาจะลาออกจากราชการในปี 2020 ในยศสุดท้ายเป็นจ่าสิบเอกของกองทัพ ก่อนที่เขาจะหันไปประกอบอาชีพในบริษัทเอกชน โดยมีข้อมูลว่า จับบาร์ เคยเป็นพนักงานของ บริษัท ดีลอยท์ (Deloitte) บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการชื่อดัง ในช่วงปี 2021
จากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้มา จับบาร์เคยมีภรรยามาแล้ว 2 คน แต่หย่าร้างไปแล้ว โดยสามีใหม่ของอดีตภรรยาคนที่สองของเขาเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า สาเหตุที่ทั้งสองคนหย่าร้างกัน เป็นเพราะ จับบาร์เคยเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามอยู่ช่วงหนึ่ง และในช่วงหลังๆ มานี้ เขาก็เริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกๆ ไป เลยทำให้ทั้งคู่ต้องเลิกกัน
ปรากฏว่าคำให้การนี้ ดันไปสอดคล้องกับคลิปวิดีโอที่คนร้ายโพสต์ก่อนเกิดเหตุ บอกเล่าความต้องการที่จะสังหารครอบครัวของตัวเอง พร้อมกับระบุว่ามีความฝันที่จะได้เข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม หรือ ISIS ประกอบกับเจ้าหน้าที่ไปพบธง ISIS ติดอยู่บนรถกระบะที่ถูกใช้ก่อเหตุ ทำให้ FBI มุ่งเป้าการสืบสวนไปที่ประเด็นก่อการร้ายโดยตรง
อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลานี้ยังคงไม่ชัดเจนว่า ชัมซุด ดิน จับบาร์ ก่อเหตุแค่เพียงคนเดียว หรือมีคนอื่นร่วมขบวนการด้วยหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ยังคงไม่ตัดประเด็นที่ว่าอาจมีคนอื่นร่วมรู้เห็นกับการก่อเหตุครั้งนี้ออกไป
ลาสเวกัสเจอระเบิดไซเบอร์ทรัก ห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง
หลังเกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนฝูงชนที่เมืองนิวออร์ลีนส์ ช่วงประมาณ 03.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ถัดมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองลาสเวกัส ได้รับแจ้งเหตุ รถกะบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรักของเทสลา (Tesla Cybertruck) เกิดเหตุระเบิดที่หน้าโรงแรมทรัมป์ อินเทอร์เนชันแนล ในเวลาประมาณ 08.40 น.
ทันทีที่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบรถไซเบอร์ทรักคันหนึ่งถูกไฟลุกไหม้อยู่บริเวณที่จอดรถด้านหน้าโรงแรม มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 7 รายจากเหตุการณ์นี้ด้วย
โดยตำรวจเปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบ พบดอกไม้ไฟ กระป๋องแก๊ส และอุปกรณ์บรรจุเชื้อเพลิงจำนวนมากอยู่ในรถคันเกิดเหตุ ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่าเป็นการตั้งใจก่อเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาเหตุจูงใจ และระบุตัวตนคนขับรถคันนี้
ตำรวจไม่ตัดประเด็นการเมือง-ก่อการร้าย
ความน่าสนใจของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองเหตุการณ์ นอกจากจะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันในวันขึ้นปีใหม่ แต่ทั้งสองเหตุการณ์ยังดูเหมือนว่าเป็นการจงใจก่อเหตุเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่นกรณีที่เกิดขึ้นในเมืองนิวออร์ลีนส์ แทบจะชัดเจนว่าคนร้ายตั้งใจหวังทำร้ายผู้บริสุทธิ์ให้มากที่สุด
ส่วนเหตุระเบิดรถไซเบอร์ทรักที่ลาสเวกัส จุดที่น่าสนใจของเรื่องนี้ คือ รถยนต์ที่ถูกนำมาใช้ก่อเหตุเป็นของมหาเศรษฐีพันล้านอย่างนายอีลอน มัสก์ และเหตุดังกล่าวก็เกิดขึ้นที่โรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังถูกตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ หลังจากที่นายมัสก์ทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ช่วยให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
นี่จึงทำให้ทั้งสองคดีนี้นอกจากจะเป็นที่จับตาจากคนทั่วโลกแล้ว ยังเป็นที่มีความซับซ้อนอย่างมาก จนเจ้าหน้าที่สืบสวนไม่สามารถตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการหวังผลทางการเมือง หรือการจงใจก่อการร้าย ซ้ำร้ายกว่านั้น ทั้งสองเหตุการณ์ยังถูกตั้งคำถามว่าอาจมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
จุดเชื่อมโยงสองเหตุการณ์ มาจากรถเช่าบริษัทเดียวกัน
สาเหตุที่มีการพูดถึงประเด็นเรื่องความเชื่อมโยง เป็นเพราะแม้ทั้งสองเหตุการณ์จะเกิดคนละสถานที่ และคนละเวลา แต่จุดน่าสนใจของเรื่องนี้ คือรถยนต์ทั้งสองคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ถูกพบว่าเป็นรถที่ถูกเช่ามาจากแพลตฟอร์มให้บริการเช่ารถยนต์ที่มีชื่อว่า ทูโร (Turo) เหมือนกัน
โดยขณะนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้สั่งการให้ FBI เข้าไปสอบสวนเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองคดีนี้แล้ว
ขณะที่นายอีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่ถูกนำมาก่อเหตุ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า เขาเชื่อว่านี่เป็นการก่อการร้าย เนื่องจากชัดเจนแล้วว่า เป็นการระเบิดที่เกิดจากพลุ หรือกระป๋องเชื้อเพลิงที่ถูกบรรจุมาในรถเทสลาที่ผู้ก่อเหตุเช่ามา และไม่ได้มีสาเหตุมาจากความบกพร่องของรถแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ทั้งสองคดีนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่ดันมาจากบริษัทรถเช่าแห่งเดียวกัน หรือเป็นความตั้งใจก่อเหตุที่มีความเชื่อมโยงกัน ขณะที่แพลตฟอร์มเช่ารถทูโร ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า จะให้ความร่วมมือกับการสอบสวนอย่างเต็มที่










