รัสเซียเริ่มใช้ ‘บิตคอยน์’ ทำการค้ากับต่างประเทศแก้ธุรกรรมสะดุดจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
นี่เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ แอนตัน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของรัสเซีย เพิ่งออกมายืนยันเมื่อวันพุธ (25 ธ.ค.) โดยเขาเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ Russia 24 ว่า หลังจากที่รัฐบาลเปิดทางให้ใช้สกุลเงินดิจิทัลในการชำระเงินระหว่างประเทศได้ ตอนนี้ บริษัทต่างๆ ในรัสเซียได้เริ่มใช้บิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ กันแล้ว
รัฐมนตรีคลังรัสเซียระบุว่าการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลชำระเงินระหว่างประเทศตอนนี้ยังถือว่าอยู่ในช่วงทดลองแต่จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมและขยายการใช้งานต่อไปโดยมั่นใจว่าน่าจะเกิดขึ้นภายในปีหน้า
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลรัสเซียในการหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกซึ่งที่ผ่านมาส่งผลให้รัสเซียทำการค้ากับชาติพันธมิตรรายใหญ่ๆอย่างเช่นจีนหรือตุรกีลำบากขึ้นเนื่องจากธนาคารในประเทศเหล่านั้นพากันเพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลของตะวันตก
จนทำให้ธนาคารกลางรัสเซียเริ่มเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยสนับสนุนให้มีการห้ามทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิทัลทั้งหมดเพราะมองว่ามีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินและอาจเอื้อต่อการทำธุรกรรมผิดกฎหมายมาสนับสนุนนโยบายให้ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่ขุดในประเทศเป็นทางเลือกในการชำระเงินกับต่างประเทศแทนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯและเปิดทางให้สามารถขุดสกุลเงินดิจิทัลในประเทศได้อย่างถูกกฎหมายมาตั้งแต่ต้นปีรวมถึงพยายามผลักดันให้บริษัทต่างๆหันมาใช้สกุลเงินดิจิทัล
อย่างไรก็ตามแม้ความเคลื่อนไหวนี้จะมาจากความพยายามผลักดันของรัฐบาลแต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าการหันมาใช้เงินดิจิทัลในการชำระเงินระหว่างประเทศเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าบรรดาภาคธุรกิจของรัสเซียกำลังประสบปัญหาในการทำธุรกรรมกับต่างประเทศอย่างรุนแรงจนมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องหันมาเพิ่งพาการใช้เงินดิจิทัลโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังถูกสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรเพิ่มเติมหลายครั้งตลอดปีที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯก็เพิ่งออกมาประกาศคว่ำบาตรก๊าซพรอมแบงก์ธนาคารใหญ่ที่สุดที่ยังคงอยู่รอดจากการคว่ำบาตรครั้งก่อนๆซึ่งนับว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระทบรุนแรงมากเพราะที่ผ่านมาก๊าซพรอมแบงก์เป็นหนึ่งในช่องทางหลักในการชำระเงินระหว่างประเทศของภาคธุรกิจรัสเซียจึงทำให้บริษัทรัสเซียต้องเผชิญปัญหาในการชำระเงินให้กับซัพพลายเออร์จากต่างประเทศรวมถึงการรับชำระเงินจากการส่งออก
โดยหนึ่งในคนที่ออกมาตั้งข้อสังเกต ก็คือ จอห์น พอล โคนิง นักเศรษฐศาสตร์การเงินชาวอเมริกัน อธิบายกับ MarketWatch ว่า “การที่รัสเซียทดลองใช้ระบบชำระเงินข้ามพรมแดน เป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการคว่ำบาตรจากสกุลเงินดอลลาร์ จนทำให้รัสเซียต้องหันไปใช้ตัวเลือกการชำระเงินที่ด้อยกว่า อย่างเช่น บิตคอยน์ หรือสกุลเงินที่มีสภาพคล่องต่ำอื่นๆ”
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ถ้าไปดูจากท่าทีของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียแล้ว ดูเหมือนว่า สิ่งที่ปูตินกำลังคิดอยู่สอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คนนี้กล่าวไว้ เพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ปูตินเพิ่งจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า “สหรัฐกำลังทำลายบทบาทของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรอง ด้วยการใช้ดอลลาร์เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งเป็นการบีบบังคับให้หลายประเทศต้องหันไปใช้สินทรัพย์ทางเลือก อย่างบิตคอยน์” โดยผู้นำรัสเซียบอกเลยว่า “ไม่มีใครในโลกสามารถควบคุมสกุลเงินดิจิทัลนี้ได้”
อย่างไรก็ตามแม้รัฐบาลรัสเซียจะอนุญาตให้บริษัทรัสเซียสามารถใช้บิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆในการชำระเงินระหว่างประเทศได้แล้วแต่ความเคลื่อนไหวนี้ก็อาจจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเพราะการชำระด้วยเงินดิจิทัลจะต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศต่างๆด้วย
คงต้องจับตากันต่อไปว่าการหันไปใช้เงินดิจิทัลแทนดอลลาร์ในการทำธุรกรรมกับต่างประเทศ จะช่วยให้รัสเซียสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกได้มากน้อยแค่ไหน










