
วันที่ 30 มี.ค.63 สื่อต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่าสหรัฐฯ กำลังเร่งพัฒนาวิธีรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยมีการทดลองยารักษาโรคมาลาเรียที่ชื่อไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) และการรักษาด้วยเลือด ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า มีการจัดสรรยาไฮดรอกคลอโรควิน ควบคู่กับยาซี-พาก (Z-Pak) หรืออะซิโธรมัยซิน (azithromycin) ที่เป็นยารักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย แก่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในนิวยอร์ก จำนวน 1,100 ราย
นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเผยอีกว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) กำลังพิจารณาการใช้วิธีรักษาด้วยน้ำเลือดที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) กับผู้ป่วยอาการรุนแรง โดยถ่ายเลือดจากผู้ป่วยที่หายดีให้ผู้ป่วยรายใหม่เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเบื้องต้นพบผลดี และจากคำแถลงจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ ระบุว่าน้ำเลือดที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกันอาจมีประสิทธิภาพต้านทานการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้
นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังได้อนุญาตวิธีทดสอบหาโรคโควิด-19 แบบใหม่ที่พัฒนาโดยแอบบอตต์ ลาบอแรตอรีส (Abbott Laboratories) บริษัทยาและเวชภัณฑ์สัญชาติอเมริกัน ซึ่งวิธีทดสอบดังกล่าวสามารถแสดงผลตรวจหาโรคโควิด-19 เป็นบวกใน 5 นาที และเป็นลบใน 13 นาที โดยคาดว่าจะมีการใช้วิธีนี้ 50,000 ครั้งต่อวันตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

ทางด้านทรัมป์ยังยืนยันว่าสหรัฐฯ กำลังเร่งพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็วและระดมทุกวิถีทางเพื่อกำจัดโรคระบาด พร้อมประกาศขยายเวลาของแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคมจนถึงวันที่ 30 เม.ย. ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะแตะจุดสูงสุดในสองสัปดาห์ข้างหน้า และทรัมป์หวังว่าสหรัฐฯ จะฟื้นตัวได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. นี้
ด้านนายแอนโธนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) กล่าวว่าความพยายามยับยั้งโรคระบาดกำลังสัมฤทธิ์ผล และการขยายเวลาของแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็น “การตัดสินใจที่ชาญฉลาดและรอบคอบ” ด้าน ดร. เดบราห์ เบิร์ซ หัวหน้ากองปฏิบัติการโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว เสริมว่ามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจะช่วยรักษาชีวิตชาวอเมริกันหลายแสนคน









