ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันไม่บังคับทุกคนสวมหน้ากาก ชี้เป็นเรื่องของเสรีภาพในการปฎิบัติ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับจากคริส วอลเลซ ผู้ประกาศข่าวประจำรายการฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์ (Fox News Sunday) ระบุว่า เขายืนยันจะไม่ออกมาตรการบังคับให้ชาวอเมริกันสวมใส่หน้ากากอนามัย โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยอีกว่าต้องการให้ประชาชนมีเสรีภาพที่จะใส่หรือไม่ใส่หน้า และตนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ให้รัฐบาลออกกฎเกณฑ์ดังกล่าว
โดยความคิดเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์นั้นตรงข้ามกับความข้อเสนอของนายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ รวมถึงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ที่เรียกร้องให้รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นใช้อำนาจที่มีตามกฎหมายออกข้อบังคับให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออกมาในพื้นที่สาธารณะ
ดร. โรเบิร์ต อาร์. เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ กล่าวว่า “เราไม่สามารถควบคลุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ หน้ากากอนามัยถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการแพร่กระจายของโควิด-19 ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น”
ที่ผ่านมาทรัมป์ปฏิเสธการสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่การระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น โดยอ้างว่าตนมีสุขภาพแข็งแรง อีกทั้งตนเองก็ได้รับการตรวจโรคโควิด-19 อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งล้วนมีผลออกมาเป็นลบทุกครั้ง กระทั่งเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกขณะเดินทางเยือนศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด (WRNMMC) ในเบเธสดา รัฐแมริแลนด์ ซึ่งนับเป็นเวลาราว 3 เดือนหลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ แนะนำให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการยังคงแพร่เชื้อต่อให้ผู้อื่นได้
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อ 3,647,715 ราย เสียชีวิต 139,266 ราย และรักษาหายแล้ว 1,107,204 ราย
