ChatGPT ร้อนแรงแซง Crypto และ Web3 ใน World Economic Forum

ChatGPT ร้อนแรงแซง Crypto และ Web3 ใน World Economic Forum

อีเวนต์ใหญ่ต้นปีที่รวมตัวผู้นำโลกทั้งการเมือง ซีอีโอบริษัทใหญ่ เหล่าผู้กำหนดนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ ในงานประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2566 ที่จัดขึ้นวันที่ 16-19 มกราคม 2566 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์สัปดาห์ที่ผ่านมา

ธีมหลักของการประชุมปีนี้คือ “ความร่วมมือในโลกที่แตกแยก” หัวข้อพูดคุยหลัก ยังคงพูดถึง

  • ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์

  •  การแบ่งขั้วทางการเมือง

  • ประเด็นเศรษฐกิจของมหาอำนาจ ระหว่างสหรัฐ ยุโรป จีน

  • นโยบายการเงิน ปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก

  • ปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ Climate Change

ในฝั่งของเทคโนโลยี หัวข้อที่ร้อนแรงของการประชุม คือ การอภิปรายถึง สถานการณ์ปัญญาประดิษฐ์ AI ประเภท Generative ที่กำลังจะเป็นอนาคตของโลก หลังโลกได้รู้จัก ChatGPT AI ที่ประมวลผลและสร้างเนื้อหาจากข้อมูลได้แทบจะทุกรูปแบบและทำงานได้อย่างรวดเร็วมาก

บรรดาซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีต่างหันมาพูดถึงหัวข้อ AI Generative แซงหน้าเรื่อง Crypto และ Web3 ที่เคยแห่แหนพูดกันมากมายเมื่อต้นปี 2565 โดยสองประเด็นดังกล่าวปีนี้กลับเงียบลงมาก วงการเทคโนโลยีหันมาพูดเรื่อง ChatGPT กันหมด

ChatGPT คือ AI สร้างเนื้อหา และ Dall-E คือ AI วาดรูปด้วยคำสั่งเสียง จัดเป็น AI ประเภท Generative ที่กำลังถูกพูดถึงว่ามันจะมาเป็นอนาคตและทดแทนกูเกิ้ลได้

ตอนนี้ ChatGPT กำลังสร้างความฮือฮาในแวดวงการศึกษาในสหรัฐอเมริกาทั้งประโยชน์ของมัน และผลกระทบแบบร้ายๆก็ถูกพูดถึงด้วย หลังจากพบว่ามีนักศึกษามหาวิทยาลัยใช้ ChatGPT เขียนรายงานส่งอาจารย์ในระดับที่ได้ผลงานออกมายอดเยี่ยม

ในงาน World Economic Forum บรรดาผู้นำทางธุรกิจ ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยี นักการศึกษา ต่างสัมมนาและอภิปรายถึงศักยภาพและข้อผิดพลาดของ AI Generative กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า

ตกลงเราจะใช้ความฉลาดของมันอย่างไรดีให้ถูกที่ถูกทาง

กลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดแซงแทนที่เรื่องกระแส Crypto และ Web3 ที่เคยฮิตในที่ประชุมของผู้บริหารระดับสูงและผู้กำหนดนโยบายเมื่อต้นปีก่อน

“AI Generative มีศักยภาพมหาศาลมาก” ฮิโรอากิ คิตาโนะ ซีอีโอของ Sony Computer Science Laboratories ให้ความเห็น

เขาบอกว่า “AI Generative คือวิวัฒนาการต่อเนื่องจากความสามารถของ AI ทั่วไป”

เรื่องนี้ชัดเจนมาก เพราะยักษ์ใหญ่ Microsoft วางเดิมพันมหาศาลกับเม็ดเงินหลายพันล้านกับ AI Generative ด้วยความหวังว่ามันจะมาเปลี่ยนแปลงโลกและธุรกิจ

อ่าน : Open AI ผู้สร้าง ChatGPT บริษัทที่ Microsoft วางเดิมพันเพื่อแข่งกับ Google 

ด้วยระบบการเรียนรู้ของ AI ชนิดนี้คือระดับ Deep Learning หรือเรียนรู้เชิงลึกมาก ทำให้มันสามารถ ‘รับข้อมูลเข้า’ และ ‘สร้างเนื้อหาใหม่’ ได้อย่างรวดเร็ว และเราสามารถใช้มันสร้างทุกอย่างตั้งแต่ช่วยเขียนรายงานส่งอาจารย์ไปจนถึงสร้างงานศิลปะชิ้นเยี่ยม

ลองจินตนาการภาพของ การใช้ AI Generative อย่าง ChatGPT มาช่วยในการเรียนรู้ของเด็กๆในอนาคต ที่เหมือนเราใช้กูเกิ้ลในยุคนี้

ในวงประชุม WEF จึงเริ่มเป็นห่วงว่ามันน่าจะมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กๆแน่นอน นอกเหนือไปจากที่ว่าเทคโนโลยีนี้เพิ่มความเสี่ยงใน ‘การโกง’ และ ‘การลอกเลียนผลงาน’ ด้วย

ความกังวลนี้ยังพูดถึงด้านมืดของ AI ด้วย กับข้อสงสัยทางกฎหมายและจริยธรรม ที่ระบบการทำงานของ AI Generative เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ผลงาน ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของครีเอเตอร์ที่ผลิตผลงานไว้บนเครือข่ายดิจิทัลแบบสาธารณะ ไปจนถึงละเมิดสิทธิคนในวงการเทคโนโลยีเอง เช่น โปรแกรมเมอร์โอเพ่นซอร์สที่เขียนโค้ดสาธารณะด้วย

อ่าน : ระหว่าง AI กับมนุษย์ ใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญากันแน่

ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีแฮกเกอร์ร้ายๆใช้ AI Generative ไปทำการบิดเบือนข้อมูลออนไลน์ หรือเข้าไปแฮกฯ ChatGPT เพื่อสร้างมัลแวร์พันธุ์ใหม่ๆขึ้นมาอีก

อย่างไรก็ตามมีนักลงทุนบางส่วนประเมินว่า ความตื่นเต้นกับ ChatGPT และความเห่อเรื่อง AI Generative ของบริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่ตอนนี้ อาจนำไปสู่อาการคล้ายจะเป็น ‘ฟองสบู่’ ในอนาคตได้ เพราะเมื่อถีงจุดที่บริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ต่างก็กระโจนลงมาในเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป

อ่าน : เทียบ ChatGPT แบบฟรีและแบบ Pro จ่ายเดือนละพันกว่าบาท ได้อะไรบ้าง

ถือเป็นความเคลื่อนไหวของ AI Generative เรื่องใหม่ของโลกที่กำลังอยู่ในความสนใจของเหล่าผู้บริหาร-ซีอีโอสายเทคโนโลยีในการประชุม World Economic Forum ที่เรื่องนี้แซงหน้า Crypto และ Web3 ที่แผ่วลงไปแล้ว

Chalathip ThirasoonthrakulWriterChalathip Thirasoonthrakul
Business and Economics Editor
[email protected]

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง