ชวนรู้จัก ‘Crown Token’ โทเคนน้องใหม่มาแรงที่ไม่ได้มีไว้เพื่อการลงทุน แต่เป็นโทเคนที่จะเชื่อม ‘งานทรัพย์สินทางปัญญา’ เข้าสู่ NFT และเมตาเวิร์ส
หนึ่งในข่าววงการคริปโตฯ เมืองไทยเมื่อสัปดาห์ก่อน คงหนีไม่พ้นเรื่องโทเคนใหม่ที่เพิ่งเข้าเทรดบนกระดาน Zipmex อย่าง CWT หรือ Crown Token ที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากนักเทรดเลยทีเดียว
เห็นได้จากราคาตอนลิสต์ที่อยู่ราวๆ 30 บาท แล้วพุ่งแรง ทะยานมาสู่ราคาราว 125 บาท ในเวลาเพียง 5 วันเท่านั้น (ราคา ณ วันที่ 8 มี.ค. 2565 เวลา 13.30 น.)
แต่ถึงอย่างนั้น ต้องบอกว่า CWT อาจไม่ใช่เหรียญที่เกิดมาเพื่อการลงทุน แต่เป็นเหรียญที่เอาไว้ทำอย่างอื่นมากกว่า รายละเอียดเป็นยังไง TODAY Bizview ชวนไปทำความรู้จัก CWT ให้มากขึ้นกัน
[ รู้จักโทเคน CWT ]
ในไวท์เปเปอร์ของโปรเจกต์บอกว่า Crown Token หรือ CWT เป็นโทเคนดิจิทัลที่มี 3 บริษัทร่วมกันพัฒนา นำโดย ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (T&B) ร่วมกับอีก 2 บริษัทในเครืออย่าง ‘วูก้า ดิจิทัล’ และ ‘ทรี รูทส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์’ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ MQDC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ถามว่า ‘T&B’ เป็นใคร แล้วทำไมถึงต้องมาทำโทเคน?
สำหรับคนในวงการสื่อ และคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์ รวมถึงแอนิเมชั่น อาจเคยได้ยินชื่อ ‘T&B’ กันมาบ้าง
T&B ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดย ดร. ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ นักธุรกิจวงการสื่อที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างสรรค์ซีรีส์การ์ตูน ‘เชลล์ดอน’ ที่ได้ไปฉายในอเมริกาและกว่า 180 ทั่วโลก
ก่อนจะต่อยอดมาสู่ T&B ที่มีเป้าหมายคือลงทุน ผลิต และจัดจำหน่ายภาพยนตร์ แอนิเมชั่น และซีรีส์ระดับโลก รวมถึงการบริหารจัดการสินทรัพย์ทางปัญญา
ผลงานของ T&B ตลอดช่วงที่ผ่านมา เช่น ซีรีส์ทีวีแอนิเมชั่นเรื่อง Tasty Tales of the Food Truckers, ภาพยนตร์ไลฟ์แอกชั่นเรื่อง Four Kids and IT, ซีรีส์ทีวีแอนิเมชั่น #Friends เป็นต้น
แน่นอนว่าผลงานเหล่านี้ และชิ้นงานสร้างสรรค์มากมายในวงการสื่อ ถือเป็น ‘สินทรัพย์ทางปัญญา’ (Intellectual Property) อย่างหนึ่งที่มีมูลค่า
ซึ่งปัจจุบันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทรนด์ที่คนนำมาใช้ในการบ่งบอกความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทางปัญญาอย่างแท้จริง รวมถึงต่อยอดทางธุรกิจให้สินทรัพย์เหล่านี้ ก็คือการกระโดดเข้าสู่ NFT นั่นเอง
T&B ที่ให้ความสนใจเรื่องเทคโนโลยีอยู่แล้ว ก็กระโจนเข้าสู่โลก NFT ด้วย แต่แทนที่จะไปใช้แพลตฟอร์มของคนอื่น ใช้โทเคนหรือคริปโตฯ ที่มีอยู่ในตลาด เพื่อให้แฟนๆ เข้าถึง NFT
T&B กลับสร้าง ‘ระบบนิเวศ’ ของตัวเองขึ้นมา แล้วพัฒนาโทเคนของตัวเองคือ CWT เพื่อใช้เป็น ‘ตัวเชื่อม’ ในระบบนิเวศนี้นั่นเอง
[ ใช้ทำอะไรได้บ้าง? ]
อย่างที่บอกว่า CWT จะเป็นโทเคนที่ใช้เชื่อมเข้าสู่โลก NFT (รวมถึงเมตาเวิร์สในอนาคต) โดยทำหน้าที่เป็น Utility Token หรือโทเคนเพื่อการใช้สอย ไม่ใช่โทเคนที่นำไปจับจ่าย ซื้อผลงาน NFT หรือซื้อของในโลกเมตาเวิร์ส
แต่เรื่องหลักๆ ที่คนถือ CWT จะได้รับ จะเป็นพวกรางวัล, สิทธิประโยชน์, สิทธิพิเศษต่างๆ ในอุตสาหกรรมบันเทิง, สื่อ และเทคโนโลยีที่มาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ T&B
อธิบายง่ายๆ ว่าคนที่ครอง CWT จะได้อะไรบ้าง ลองมาดู
-สิทธิได้รางวัลจากภาพยนตร์/ซีรีส์ และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง SMO ผ่านระบบ Staking
-สิทธิพิเศษ NFT Airdrop จากเครือทีแอนด์บีฯ และพาร์ทเนอร์
-สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมอีเวนต์ต่างๆ
-สิทธิในการโหวตเรื่องราว หรือทิศทางของภาพยนตร์
-สิทธิสร้างอวตารของตัวเองให้ไปปรากฏอยู่บนแอนิเมชั่นระดับโลก
-สิทธิในการเข้าร่วมประมูล NFT คอลเลกชั่นพิเศษ
-สิทธิพิเศษในการเข้าถึง Translucia Metaverse ซึ่งเป็นอภิมหาโปรเจกต์เมตาเวิร์สที่ร่วมพัฒนากับ MQDC ที่คาดว่าจะให้พร้อมให้บริการในปี 2025
โดย CWT ถูกผลิตมาอย่างจำกัด 140 ล้านโทเคน ซึ่ง T&B จะค่อยๆ ทยอยปล่อยเหรียญออกมา (ไม่มีกำหนดการชัดเจน)
ส่วนตอนนี้ที่เทรดอยู่บน Zipmex นั้น T&B บอกว่าเป็นเพียงส่วนเล็กๆ และในอนาคตก็มีแพลนจะเข้าเทรดบนกระดานอื่นเพิ่มเติมด้วย
ขณะที่แพลตฟอร์ม NFT ที่ T&B พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนอย่าง Pellar Technology จะใช้ชื่อว่า ADOT คาดว่าจะพร้อมให้บริการในเร็วๆ นี้
[ ส่องโปรเจกต์จาก T&B ]
ในไวท์เปเปอร์โปรเจกต์ CWT ระบุชัดถึงแอนิเมชั่น 6 เรื่องที่ T&B จะร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ชั้นนำของโลกเพื่อทุ่มทุนสร้าง ได้แก่ Legends of the Two Heroes, FriendZSpace, Looking for Gods, New Legend, The Forestias และ Blue City ซึ่งจะออกสู่ตลาดในปี 2022-2025
T&B บอกว่าแอนิเมชั่นเหล่านี้ ไม่ได้มองเพียงแค่ตลาดในประเทศเท่านั้น แต่ตั้งเป้าเจาะกลุ่มแฟนๆ จากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน อินเดีย ออสเตรเลีย ฯลฯ
ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นตลาดที่ใหญ่และเติบโตสูงมาก ทำให้การบุกตลาดโลกจะเป็นการสร้างทั้งชื่อเสียงและเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับทรัพย์สินทางปัญญาของโปรเจกต์
ส่วนในประเทศไทย พันธมิตรที่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ และเข้ามาร่วมอีโคซิสเต็มของ CWT แล้ว เช่น MQDC บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, BBTV New Media ผู้ดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลของช่อง 7, The Last Idol, ค่ายเพลง ‘โลมาบิน’ ของติ๊ก ชิโร่, Infofed สนามอีสปอร์ต, Cozy Games ผู้พัฒนา GameFi, ม.รังสิต
[ ความไม่ชัดเจน? ]
แม้จะมีแพลนในโปรเจกต์ค่อนข้างชัดเจน มีพันธมิตรมากมายมาช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้กับเหรียญ
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ไม่ชัดเจน คือ เกณฑ์การได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ของผู้ถือเหรียญแต่ละคนที่อาจซื้อมาในราคาที่ไม่เท่ากัน
หรือพูดง่ายๆ คนที่ซื้อเหรียญตอนราคา 30 บาท กับคนที่ซื้อเหรียญตอนราคา 120 บาท ในการได้รับสิทธิประโยชน์อย่างหนึ่ง จะต้องใช้เหรียญเท่ากันหรือไม่ อย่างไร
ซึ่งตรงนี้ T&B บอกว่าบริษัทมีการคิดระบบเพื่อตอบโจทย์ปัญหานี้มาแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน
ท้ายที่สุดโทเคน CWT จะไปได้ถึงขนาดไหน แล้วจะเชื่อมโลกสื่อบันเทิงกับ NFT และเมตาเวิร์สได้มากน้อยขนาดไหน ก็คงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป
ส่วนสำหรับใครที่สนใจถือครอง แน่นอนว่าอย่าลืมศึกษารายละเอียดให้ดีก่อน
เพราะยังไง CWT ก็ลิสต์อยู่บนกระดานเทรด ซึ่งหมายความว่าสามารถซื้อขายเก็งกำไร หรือเกิดสถานการณ์ ‘ปั่นราคา’ และที่สุดก็คือ ‘มีความเสี่ยง’ ได้เหมือนสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นนั่นเอง










