สินค้าอร่อยที่ขายราคาไม่แพง แค่นี้ก็นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ใช้น็อคคู่แข่งในตลาดได้แล้ว แม้จะเป็นสูตรสำเร็จในการทำธุรกิจที่มีมานานก็ตาม แต่ ณ วันนี้มันยังใช้ได้ผล ดูได้จากกรณีของ ‘ศรีฟ้าเบเกอรี’ เบเกอรีชื่อดังจาก จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำ ‘เค้กฝอยทอง’ ในประเทศไทย และได้วางขายในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น จนขึ้นเป็นสินค้าดาวเด่น

ตำนานความอร่อย 39 ปี ของศรีฟ้าเบเกอรี หลายคนน่าจะพอรู้ที่มาและได้ยินมาบ้าง ว่าผู้ก่อตั้ง ‘วิเชียร เจนตระกูลโรจน์’ เรียนรู้วิชามาจากโรงเรียนสอนทำขนมอบสด UFM หาประสบการณ์อยู่สักพัก ก่อนลาออกแล้วกลับมาเปิดร้านเบเกอรีตามความฝัน ในปี 2529

ศรีฟ้าเบเกอรีเริ่มจากร้านห้องแถวเล็กๆ หนำซ้ำวันแรกยังขายเบเกอรีได้แค่ 37 บาท วันนี้ธุรกิจศรีฟ้าเบเกอรี มียอดขายกว่า 813 ล้านบาท (ปี 2024) และร่วมมือกับธุรกิจรายใหญ่จำนวนมาก TODAY Bizview มีโอกาสได้คุยกับ ‘อาร์ท-พีรวัส เจนตระกูลโรจน์’ ผู้บริหารเจเนเรชั่น 2 ของศรีฟ้าเบเกอรี ในระหว่างงาน Scale Fast Summit & Expo 2025 โดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) ร่วมกับ Future Trends 

การบริหารในรุ่นของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจว่า ธุรกิจจะเติบโต และมีความยั่งยืน เพิ่มการยืนระยะให้กับธุรกิจที่อยู่มานานด้วยการ ‘ขยายสาขา’ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับเขา

[ การขยายสาขา คือ ลดการพึ่งพาคนอื่นหายใจ ]

เขาเล่าว่า ศรีฟ้าเบเกอรีในยุคของเขา การขยายสาขา หรือเพิ่มร้านแฟรนไชส์มากขึ้น คือกลยุทธ์สร้างการเติบโตเป็นหลัก โดยได้ตั้งเป้าอยู่ที่ 500 สาขา ซึ่งตอนนี้ยังเดินทางมาไม่ถึงครึ่งทาง เพราะเพิ่งเริ่มระบบแฟรนไชส์จริงๆ ในปี 2023

ในปี 2024 ร้านศรีฟ้าเบเกอรี มีร้านประมาณ 42 แห่ง และปีนี้กำลังทยอยเปิดเพิ่มอีก 45 สาขาตามแพลน ซึ่งสิ้นปีนี้ร้านเบเกอรีจะมีหน้าร้านทั้งหมด 87 สาขาตามเป้า

ศรีฟ้าเบเกอรี มีทั้งร้านที่ขายเบเกอรี แล้วก็ OEM รับจ้างผลิตเบเกอรีให้กับธุรกิจเจ้าใหญ่อื่นๆ เช่น เซเว่น-อีเลฟเว่น, แม็คโคร, เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป หรือแม้แต่แบรนด์อย่าง BreadTalk ที่ทำขนมเองอยู่ก่อนแล้ว ภายใต้บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด

อาร์ท-พีรวัส ได้พูดถึงสถานการณ์ของการรับจ้างผลิต ซึ่งตอนนี้รายได้ปรับตัวลง เขาบอกว่า “สถานการณ์ของธุรกิจ OEM ในปัจจุบัน เผชิญกับการแข่งขันสูงซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ เขากลัวเรา เราก็กลัวเขา มันเหมือนอยู่ในลีกฟุตบอล คือ แต่ละเจ้าก็มีความน่าสนใจของตัวเองอยู่ เราก็มีจุดแข็งของเรา”

“สำหรับคนข้างนอก อาจจะมองว่าแต่ละเจ้าเหมือนกันหมด เป็นโรงงานรับจ้างผลิตเหมือนกันหมด แต่จริงๆ แล้ว แต่ละคนมีจุดแข็งไม่เหมือนกัน มีกลุ่มลูกค้าของตัวเอง มีบิซิเนสโมเดลไม่เหมือนกัน”

“บางเจ้าเก่งเค้ก บางเจ้าเก่งขนมปัง บางเจ้าเก่งเรื่องการทำราคาให้แมสมากๆ และ บางเจ้าก็เก่งเรื่องโลจิสติกส์”

นอกจากนี้ อาร์ท-พีรวัส ยังพูดถึงธุรกิจ OEM ว่าธุรกิจนี้เหมือนกับ “การยืมจมูกคนอื่นหายใจ”

“ถ้าเราเลือกพึ่งพาร์ทเนอร์ เพิ่มร้านแฟรนไชส์ ก็เหมือนเป็นการเพิ่มจมูกหายใจให้ตัวเอง เรามีช่องทางจำหน่ายเป็นของตัวเอง เพิ่มสินค้าใหม่ๆ ได้เอง ราคาก็ควบคุมได้เพราะผลิตเอง เรามีโรงงานผลิตที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงเป็นของตัวเอง”

ซึ่งที่ผ่านมารายได้จากธุรกิจ OEM ลดลงเล็กน้อย ก็อาจเป็นเหตุผลที่ ศรีฟ้าเบเกอรี มุ่งไปที่การขยายแฟรนไชส์ โดย 70% ยังเป็นร้านในต่างจังหวัด และ 30% เป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล

สำหรับเจน 2 ของศรีฟ้าเบเกอรี เขามองว่า การเจาะตลาดต่างจังหวัดเป็นอะไรที่เรียบง่าย ไม่ต้องซับซ้อน ทำได้ง่ายกว่า อีกอย่างสินค้าของแบรนด์เป็นเบเกอรีราคาไม่สูง เริ่มต้น 12 บาท มีสินค้าหลากหลายกว่า 100 แบบ และคุณภาพดี

แต่หลายสาขาก็ทำยอดขายจนน่าตกใจ อย่าง สาขาปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่ยอดขายทะลุกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน

เรามาดูกันว่า รายได้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของ บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด เป็นอย่างไร?

• ปี 2567 รายได้รวม 813 ล้านบาท กำไร 51.3 ล้านบาท
• ปี 2566 รายได้รวม 662 ล้านบาท กำไร 15.3 ล้านบาท
• ปี 2565 รายได้รวม 708 ล้านบาท กำไร 10.1 ล้านบาท
• ปี 2564 รายได้รวม 700 ล้านบาท กำไร 12.4 ล้านบาท
• ปี 2563 รายได้รวม 667 ล้านบาท กำไร 1.1 ล้านบาท

[ คนไทยกินเบเกอรีเพิ่ม ถือเป็นการเปลี่ยนชุมชนสู่ urbanization แล้ว ]

สำหรับธุรกิจเบเกอรีมองว่า การขยายตัวของกลุ่มขนมปัง เบเกอรี หรือโปรดักส์ที่เป็นข้าวสาลี เช่น เบเกอรี, พลาสต้า หรือ ประเภทอาหารฝรั่งทั้งหมด ช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาเติบโตมากๆ ซึ่งเป็นการสะท้อนว่า ชุมชนได้ขยายตัวเข้าสู่ความเป็นเมือง (urbanization) มากขึ้นแล้ว

อาร์ท-พีรวัส ตั้งข้อสังเกตว่า เชลฟ์ขนมในร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น เพิ่มชั้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนอาจจะมีแค่ล็อก 2 ล็อก แต่ตอนนี้ผู้บริโภคแทบจะตามกินไม่ทันแล้ว

“การที่เซเว่น-อีเลฟเว่น ขยายเชลฟ์ขนมได้แบบนี้ หมายความว่าเขาต้องศึกษามาพอสมควรแล้วว่าตลาดมีดีมานด์อยู่ ผู้บริโภคต้องการอะไร ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านเรา อย่าง มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ต้องพูดว่าอัตราการบริโภคข้าวสาลีของคนไทยยังต่ำกว่ามาก แปลว่ามีโอกาสขยายตัวได้อีก”

“ความเป็น urbanization หรือ การพัฒนาชุมชนให้เข้าสู่ความเป็นเมืองมากขึ้น คือ ประเทศที่มีการบริโภคเบเกอรีเยอะๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีความเป็นเมืองมากๆ เพราะมันมาพร้อมกับความเร่งรีบ การแข่งขัน แล้วก็ความสะดวกต่างๆ ที่คนอาศัยในเมืองต้องการ ดังนั้น อาหารที่จะมาตอบโจทย์ได้ ก็ต้องมีความ grab & go ได้ รองท้องด้วยแซนวิชได้ ถือกินได้ จะไม่ใช่ลักษณะแบบว่า เช้ามาต้องหาต้มเลือดหมูกิน ทุกวันนี้เราเห็นคนบ้านเรา ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ จะเริ่มทานเช้าแบบนี้มากขึ้น”

[ ตัวอย่างการผลิตของศรีฟ้าเบเกอรี กับโรงงานในปัจจุบัน ]

เขาได้พูดยกตัวอย่างการผลิตเบเกอรีจากโรงงานของเขาในปัจจุบัน เช่น ‘ครัวซองต์’ สามารถผลิตได้ชั่วโมงละ 14,000 ชิ้นโดยประมาณ หรือ เดือนละ 3.6 ล้านชิ้น

หรือ ‘ชิโอปัง’ เบเกอรีมาใหม่ของร้าน ที่เริ่มขายตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยวางขายอยู่ที่ประมาณ 40-50 สาขา และขายได้เดือนละ 400,000 กว่าชิ้นทุกเดือน

สำหรับ อาร์ท-พีรวัส เขามองว่า แต่ละเดือนต้องมีสินค้าใหม่ๆ เสิร์ฟให้ลุกค้า 5-6 แบบทุกเดือน ซึ่งก็จะเป็นสินค้าที่อยู่ในกระแส เช่น ขนมปังมันม่วง หรือ ชิโอปัง เพราะธุรกิจต้องขับเคลื่อนด้วย ‘สินค้าใหม่’ บางร้านที่ขายมานาน แต่ไม่มีสินค้าใหม่ๆ เลย ลูกค้าก็อาจจะไปซื้อที่อื่น เพราะปัจจุบันผู้บริโภคมองหาความแปลกใหม่มากขึ้น

ส่วนสินค้าของศรีฟ้าเบเกอรีที่มีขายตลอด ตั้งแต่ที่เปิดร้าน อย่างเช่น

• เค้กฝอยทอง
• กลุ่มขนมอบสด เช่น ขนมปังเกลือ 19 บาท
• ขนมปังมันม่วง
• เค้กไก่หยอง
• ครัวซองต์ม้าลาย
• ช็อกโกแลตชิพ สติ๊ก

สำหรับคาดการณ์ปีนี้ของ ศรีฟ้าเบเกอรี ประเมินว่ายอดได้ของปี 2568 น่าจะแตะ 1,100 ล้านบาท โดยเติบโตมาจากการขยายแฟรนไชส์ที่เพิ่มขึ้น จากตัวเลข ณ ปัจจุบัน คือ ไตรมาส 1-3 รายได้ของธุรกิจอยู่ที่ 822 ล้านบาท กำไร 65.4 ล้านบาท

จากความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของทายาทรุ่นที่ 2 เป้าหมายของรายได้ปีนี้คิดว่าไม่น่าพลาดเป้า เขาสะท้อนชัดเจนว่า กลยุทธ์การขยายสาขาเป็นหลักในช่วงที่ผ่านมาของศรีฟ้าเบเกอรี ก็สามารถทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตได้ และยั่งยืนด้วย