ทุกวันนี้ ไม่ว่าเราจะซื้อของชิ้นเล็ก ๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่ของชิ้นใหญ่อย่างรถยนต์หรือบ้านสักหลัง การผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ กลายเป็นเรื่องปกติในสังคมยุคปัจจุบันที่สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยลง จนเราไม่สามารถเก็บเงินก้อนมาซื้อของเหล่านั้นได้ตามปกติ
แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มี ‘อาการหวาดกลัวการเป็นหนี้’ (Debt phobia) ที่ต้องออมเงินไว้มาก ๆ ไม่กล้าใช้จ่าย เพราะไม่อยากที่จะมีภาระทางการเงิน
TODAY Bizview ชวนทุกคนมาทำความรู้จักพฤติกรรมการเงินสุดแปลกว่าอาการเหล่านี้มีสาเหตุมาจากอะไร และจะสามารถจัดการกับภาวะความกลัวนี้ได้อย่างไรบ้าง
[หวาดกลัวหนี้สิน เพราะอดีตที่ฝังใจ]
‘หนี้สิน’ อาจจะเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะหนี้มักมาพร้อมกับการจำกัดอิสรภาพทางการเงิน ทำให้เราต้องทำงานหนักหาเงินมาใช้หนี้อยู่ตลอดเวลา จนมีคำสอนว่า “การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” แต่ความจริงการมีหนี้สินไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเสมอไป เพราะหนี้มี 2 ประเภท
ประเภทแรกคือ ‘หนี้ดี’ หมายถึงหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ สามารถสร้างมูลค่า ต่อยอดเป็นกำไรได้ในอนาคตเช่น หนี้เพื่อการศึกษา หนี้ผ่อนบ้าน
ประเภทต่อมาคือ ‘หนี้เสีย’ คือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สินทรัพย์เหล่านั้นไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่ม แต่กลับมีมูลค่าลดลงเรื่อย ๆ เช่น หนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว
เพราะฉะนั้น หากเป็น ‘หนี้ดี’ เราจะสามารถต่อยอดอนาคตของเราให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ การเป็นหนี้จึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป
แต่อาการของคนที่มีอาการหวาดกลัวการเป็นหนี้จะมองหนี้ในแง่ลบ มองว่าหนี้คือสิ่งเลวร้ายอยู่เสมอ ทำให้ไม่กล้าซื้อของที่ด้วยการผ่อนจ่าย (แม้ว่าจะมีผ่อนชำระ 0% ก็ตาม) การซื้อของแบบจ่ายในคราวหลัง ไม่กล้าซื้อบ้าน ซื้อรถ ไม่กล้าลงทุน ไม่กล้าใช้บัตรเครดิต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของตัวเองว่าอาจทำให้เกิดหนี้สินในอนาคต บางคนมีอาการไม่กล้าใช้บัตรเครดิต เพราะกลัวการโดนทวงหนี้และกลัวว่าตัวเองจะใช้เงินเกินความจำเป็น
นอกจากนี้ คนที่มีอาการ Debt Phobia จะทำงานอย่างหนัก หาเงินให้มาก ๆ และจะพยายามรักษาเงินไว้ทุกวิถีทาง เพื่อเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน เช่น ตกงาน ไม่สบาย หรือซื้อสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ด้วยเงินสดเท่านั้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาหารหวาดกลัวการเป็นหนี้มาจาก 2 ปัจจัยหลัก อย่างแรกคือการเลี้ยงดูจากครอบครัวที่ปลูกฝังให้มัธยัสถ์ ใช้เงินอย่างประหยัด จนกลายเป็นคนตระหนี่ ส่วนสาเหตุที่สองเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวว่าคนเหล่านี้อาจจะประสบความล้มเหลวด้านการเงินจนเป็นหนี้มาก่อน หรือโตมากับครอบครัวที่มีภาระหนี้สิน จึงรับรู้ถึงความลำบากในการเป็นหนี้
ตัวอย่างเช่น เดซี เมย์ คูเปอร์ (Daisy May Cooper) นักแสดงชาวอังกฤษให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Evening Standard ว่าเธอไม่เคยมีโทรศัพท์มือถือส่วนตัวเลย แต่ใช่ iPad หรือ Social media แทน เพราะเธอมีอาการกลัวเสียงโทรศัพท์มือถือดัง
คูเปอร์อธิบายว่าในช่วงวัยเด็ก เจ้าหนี้มักจะโทรศัพท์มาทวงหนี้ผ่านโทรศัพท์บ้านอยู่เป็นประจำ เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอจะตีความว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น เธอต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
ส่วนใหญ่แล้ว อาการหวาดกลัวการเป็นหนี้มักจะเกิดกับคนในวัยทำงานเป็นส่วนใหญ่ ทำให้หลายคนไม่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ เพราะไม่กล้ากู้หนี้ยืมสินมาลงทุน
[เป็นหนี้ทำให้ปวดหัวกว่าเดิมเกือบ 2 เท่า]
มีงานวิจัยทางจิตวิทยาพบว่าหลังจากกลุ่มทดลองลองย้อนกลับไปคิดถึงช่วงเวลาที่ไม่มีความมั่นคงทางการเงิน มีอาการปวดหัวมากกว่าตอนที่คิดถึงช่วงเวลาที่มีความมั่นคงทางการเงินเกือบ 2 เท่า
การเป็นหนี้ยังส่งผลให้บรรดาลูกหนี้มีการเคารพตัวเองต่ำและมีความรู้ความเข้าใจบกพร่อง ตั้งแต่ไม่สามารถเรียนรู้ จดจำ แก้ปัญหา จดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ รวมไปถึงความสามารถควบคุมอารมณ์และควบคุมตัวเองลดลง โดยเฉพาะในการใช้จ่าย ทำให้เป็นหนี้ได้มากกว่าเดิม นำไปสู่การเป็นโรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคเครียดเรื้อรัง หรือกลายเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นและอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย
นอกจากสภาวะด้านจิตใจแล้ว ความเครียดจากการเป็นหนี้ยังส่งผลกระทบต่อร่างกาย ตั้งแต่ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วจนอาจเต้นผิดจังหวะ ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน และเกิดภาวะน้ำหนักขึ้นหรือลงมากผิดปกติด้วย
[คนรุ่นใหม่กลัวเป็นหนี้กว่ากลัวตาย]
ไม่ใช่แค่คนที่มีอาการหวาดกลัวการเป็นหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ แต่คนทั่ว ๆ ไปที่เป็นหนี้อาจจะมีภาวะที่ใกล้เคียงกัน
Credible เว็บไซต์ให้คำแนะนำเรื่องการเงินทำการสำรวจกับชาวอเมริกัน 500 คน พบว่าชาวอเมริกันกลัวการเป็นหนี้มากกว่ากลัวความตาย
โดยกลุ่มตัวอย่าง 33% บอกว่ากลัวการเป็นหนี้บัตรเครดิต 20% กลัวความตาย 16.8% กลัวภัยคุกคามจากสงคราม 11% กลัวว่าจะไม่สามารถเกษียณได้ ต้องทำงานตลอดชีวิต อีก 6% กลัวการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ด้าน Credible บอกในเอกสารว่าคนที่มีความกังวลต่อการเป็นหนี้บัตรเครดิตจะเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้สามารถรับมือกับการเป็นหนี้ได้ และกลุ่มตัวอย่าง 80% มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้ภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า
[รับมืออาการหวาดกลัวการเป็นหนี้]
ถ้าคุณพบว่าตัวเองมีอาการหวาดกลัวการเป็นหนี้ และมีความจำเป็นที่จะต้องเป็นหนี้หรือกำลังเป็นหนี้ อาจจะลองใช้เทคนิคเหล่านี้ ช่วยให้คุณก้าวข้ามความกลัวได้
หากใครมีหนี้บัตรเครดิต แต่กลัวจนไม่กล้าเปิดใบแจ้งหนี้ที่ส่งมาทางไปรษณีย์ ลองเปลี่ยนจากใบทวงหนี้รูปแบบกระดาษเป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อให้เรากล้าเปิดใบทวงหนี้มากขึ้น
ในบางครั้ง ชีวิตเราอาจจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะทำให้เราเป็นหนี้ได้ การเก็บเงินออมสำรองฉุกเฉิน (Emergency fund) จะช่วยให้เรามีเงินเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในชีวิตของเราได้ดีขึ้น และหากใครไม่กล้าใช้เงินไปกับการจับจ่ายใช้สอยในวันหยุด ให้เริ่มต้นจากการเก็บเงินล่วงหน้าและเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
ในความเป็นจริงแล้ว หนี้สินไม่ได้มีผลแง่ลบต่อผู้เป็นหนี้เสมอไป เพราะหนี้ที่ดีสามารถทำให้เราเติบโตและประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ถ้าเรากล้าเผชิญหน้าและก้าวข้ามผ่านความกลัวนี้ไปได้ เราจะสามารถจัดการการเงินของเราได้ดีขึ้นในอนาคต
อ้างอิง :
https://www.debt.org/advice/emotional-effects/
https://mint.intuit.com/blog/relationships-2/chrometophobia-fear-of-money-4734/
https://www.cnbc.com/2017/11/08/credit-card-debt-scares-millennials-even-more-than-death.html










