หุ้นปันผลไทยยังน่าสน? ในวันที่คนไทยเข้าถึง การลงทุนได้มากมาย

ปัจจุบันการลงทุนกลายเป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสนใจ เพราะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีตัวเลือกให้ลงทุนมากมาย ตั้งแต่หุ้นไทย, หุ้นกู้, กองทุนรวม, หุ้นสหรัฐฯ, หุ้นจีน, ทองคำ, บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ FCD จนถึงออปชัน

ในช่วงที่ผ่านมาหลายสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจด้วย ยิ่งเพิ่มความดึงดูดใจ เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 +17.25% หรือทองคำโลก +43.0% เมื่อเทียบกับ 1 ปีที่แล้ว

แต่ถ้าพูดถึงผลตอบแทนอย่าง “ปันผล” เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยต้องนึกถึงหุ้นไทย เพราะมีหุ้นหลายตัวที่ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี

หรือเปรียบเป็นตัวเลขแบบง่าย ๆ ถ้าลงทุน 10,000 บาท จะได้เงินปันผล 500 บาทต่อปี นับว่าไม่น้อยเลย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คนมักมีภาพจำที่ไม่ดีต่อหุ้นไทย จากดัชนี SET ที่ร่วงสวนทางตลาดหุ้นประเทศอื่น ไม่นับว่า หุ้นของหลายบริษัทขนาดใหญ่ในไทยที่ราคาลดมากกว่าครึ่งจากราคาสูงสุดอีกด้วย

หุ้นปันผลไทยยังน่าสนใจอีกหรือไม่ TODAYBizview จะพาทุกคนชวนคิด

ถ้าหากสแกนหาหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลมากกว่า 5% ต่อปี จะพบว่ามีจำนวนหุ้นไทยถึง 313 หุ้น ที่ตรงกับเกณฑ์ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม จากสูตร อัตราผลตอบแทนเงินปันผล = เงินปันผล ÷ ราคาหุ้น หมายความว่า การที่หุ้นจ่ายปันผลได้สูงนั้นอาจมาจากราคาที่ลดลงของหุ้น ที่เกิดจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ได้เช่นกัน

ตัวอย่างเช่นแต่เดิม หุ้น A มีราคา 10 บาทต่อหุ้น จ่ายปันผล 0.5 บาทต่อหุ้น อัตราผลตอบแทนเงินปันผล = 0.5 / 10 = 5%

แต่เวลาต่อมา หุ้น A ร่วงเหลือ 5 บาทต่อหุ้น อัตราผลตอบแทนเงินปันผล = 0.5 / 5 = 10%

จากตัวอย่างเห็นได้เลยว่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง เพราะมาจากราคาหุ้นที่ร่วงหนักนั่นเอง

ดังนั้นเราควรจะดูหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลต่อเนื่องหลายปี และไม่ขาดทุนด้วย หรืออีกทางคือการเลือกหุ้นที่มีผลประกอบการดีสม่ำเสมอ

หากใช้ตัวกรองเหล่านี้จะพบว่า มีหุ้นของบริษัทที่เรารู้จักมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเอสซีบี เอกซ์ เจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์, ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป, ทุนธนชาต, หาดทิพย์ จำหน่ายน้ำอัดลมโคคา-โคลา ใน 14 จังหวัดภาคใต้, อิชิตัน กรุ๊ป ผู้นำเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มในไทย หรือแม็คกรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ Mc

โดยบางบริษัทมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 8% ต่อปี

แล้วถ้าถามว่า ผลตอบแทนเงินปันผลของหุ้นไทย นี่น่าสนใจจริงหรือไม่ ก็ต้องเทียบกับหุ้นต่างประเทศ หรือ ETF ที่ลงทุนในหุ้นปันผล นั้นจ่ายปันผลได้สูงหรือน้อยกว่า

โดยหนึ่งในกลุ่มหุ้นปันผลที่ได้รับความนิยมคือ หุ้นในกลุ่ม Dividend Aristocrats ที่คัดจากหุ้นจ่ายปันผลต่อเนื่องและอยู่ในดัชนี S&P500

หากเทียบกันแล้วจะเห็นได้เลยว่า หุ้นไทยปันผล 5% มีความน่าสนใจ ถ้าดูเฉพาะ “ปันผล” เพราะหุ้นสหรัฐฯ จ่ายปันผลในอัตราที่น้อยกว่า เท่านั้นไม่พอยังมีเรื่องภาษีที่เงินปันผลจะโดนหัก ณ ที่จ่าย 15% พร้อมมีความเสี่ยงค่าเงินอีกด้วย

และเมื่อพูดถึงเลข 5% คนที่ลงทุนอยู่ ต้องนึกถึงบัญชีเงินตราต่างประเทศหรือ FCD อยู่แน่ เพราะให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกัน และที่สำคัญมูลค่าเงินไม่ลดลงด้วย หากดูที่ตัวเลขดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ตรงนี้เราต้องมาพิจารณาต่อว่าความเสี่ยงไหนที่เราจะรับได้มากกว่ากัน เพราะ FCD ก็มีความเสี่ยงตรงที่หากแลกกลับมาเป็นบาท ต้องเจอความเสี่ยงค่าเงินบาทแข็ง เช่นเดียวกับที่หลายคนได้ฝาก FCD ไปแล้วกำลังเผชิญเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี

สุดท้ายเมื่อพูดถึงหุ้น ก็หนีไม่พ้นต้องเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นระดับโลกอย่างหุ้นสหรัฐฯ

โดยผลตอบแทนของ S&P 500 หรือหุ้น 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 10% ต่อปี

ตัวเลขผลตอบแทนเงินปันผลของหุ้นไทยที่สูง 8% ต่อปี ก็คงพอสรุปได้ว่าหุ้นปันผลไทยยังน่าสนใจเพียงพอที่เราจะหันกลับมาทบทวนอีกครั้งว่า เรากำลังพลาดโอกาสหรือไม่

ที่มา
– https://www.kasikornbank.com/th/kwealth/Pages/a962-t1-trg-thb-appreciated-hit-four-years-record-kgth.aspx
– https://stockanalysis.com/list/dividend-aristocrats/
– https://th.investing.com/indices/us-spx-500
– https://www.setinvestnow.com/th/glossary/dividend-yield
– https://www.investopedia.com/ask/answers/042415/what-average-annual-return-sp-500.asp