ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเวียดนามได้พัฒนาและผลิตรถยนต์ปั้นแบรนด์ ‘รถยนต์แห่งชาติ’ ของตัวเองขึ้นมาในชื่อ ‘VinFast’ โดยเมื่อปีที่แล้วยังรุดหน้าผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) วางจำหน่ายในประเทศแล้วด้วย ที่น่าสนใจคือ รถอีวีของ VinFast กำลังจะไปเปิดตลาดไกลตั้งโรงงานผลิตถึงในสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางการอ้าแขนต้อนรับอย่างดีจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ‘โจ ไบเดน’
ทำไม VinFast ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในเวียดนาม ถึงคิดสวนทางไทย และอินโดนีเซีย ไปตั้งโรงงานผลิตรถอีวีในอเมริกา ?
VinFast บริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม สร้างความฮือฮาระดับโลกตั้งแต่เมื่อต้นปี ด้วยการประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ สร้างโรงงานผลิตรถยนต์อีวี มูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐในรัฐนอร์ทแคโรไลน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อประเมินมูลค่าการลงทุนทั้งหมด รวมถึงการผลิตแบตเตอรี่ และสิ่งอำนวยความสะดวกเสริมอื่นๆของรถอีวี โรงงานแห่งนี้คาดว่าจะมีมูลค่าแตะถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
โรงงานผลิตรถยนต์แบรนด์เวียดนามในอเมริกานี้มีกำหนดเปิดในปี 2024 และคาดว่าจะสร้างงานนับพันตำแหน่ง ตั้งเป้ากำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 150,000 คันต่อปี ขณะที่รัฐนอร์ทแคโรไลน่าเองก็เปิดพรมแดงต้อนรับบริษัทรถยนต์สัญชาติเวียดนาม โดยเสนอสิทธิพิเศษจูงใจให้มาลงทุนจำนวนไม่น้อย เช่นเดียวกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ถึงขนาดทวีตข้อความพร้อมใส่ลิงค์ให้คลิกเข้าไปอ่านสาส์นจากประธานาธิบดีสหรัฐต่อความยินดีในการเข้ามาลงทุนของ VinFast ในรัฐนอร์ทแคโรไลน่า ทั้งยังโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันเห็นประโยชน์ถึงการจ้างงานในอเมริกาที่จะเกิดขึ้น
แม้ขณะนี้ยังต้องรอสร้างโรงงานผลิตรถอีวีสัญชาติเวียดนามในอเมริกา แต่ VinFast ก็ไม่รอช้า เริ่มเปิดให้คนอเมริกันจองรถอีวีถึง 2 รุ่น และพร้อมจัดส่งจากเวียดนามมาถึงอเมริกาได้ภายในปลายปีนี้เป็นต้นไป อีกทั้งบริษัทก็เพิ่งเปิดโชว์รูมสาขาแรกในแคลิฟอร์เนียเมื่อเดือนที่แล้ว
[ ประเมินขุมพลังแบรนด์รถแห่งชาติเวียดนาม ]
VinFast เป็นบริษัทสตาร์ทอัพผลิตรถยนต์ ในเครือของกลุ่มวินกรุ๊ป (Vingroup) เครือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของเวียดนามชื่อ ‘Pham Nhat Vuong’ (ฝ่าม เญิ้ต เวือง) โดยประกอบธุรกิจหลากหลาย อาทิ บริษัทเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา ธุรกิจเกษตร บันเทิง และ Vingroup ยังผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติเวียดนามออกมาวางจำหน่ายด้วย
บริษัทรถยนต์ VinFast ก่อตั้งเมื่อปี 2017 ทีมผู้บริหารรุ่นแรกส่วนใหญ่เป็นอดีตผู้บริหารจากบริษัทรถยนต์ General Motors สหรัฐอเมริกา ขณะที่ช่วงเริ่มแรกงานด้านการผลิตและออกแบบรถอิงมาจาก 3 ค่ายรถสัญชาติยุโรป Pininfarina (อิตาลี) , BMW (เยอรมนี) และ Magna Steyr (ออสเตรีย) จนกระทั่ง VinFast สามารถเปิดตัวรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป 2 รุ่นแรก ได้แก่ LUX A2.0 และ LUX SA2.0 ในงาน Paris Motor Show 2018 โดยมีต้นแบบมาจาก BMW 5 Series F10 และ BMW X5 F15
ต่อมาปี 2021 ก็คือเมื่อปีที่แล้วนี่เอง VinFast เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกวางขายในเวียดนาม คือ VF e34 และเร่งเกมเร็วเปิดตัวรถอีวี 2 รุ่น ทำการตลาดในสหรัฐอเมริกา วางตำแหน่งคู่แข่ง Tesla โดยตั้งเป้าให้ปี 2566 เป็นจุดเริ่มต้นจริงจังในการปั้นแบรนด์ VinFast เป็นแบรนด์รถยนต์แห่งชาติของเวียดนามที่ผลิตรถอีวีขายทั่วโลก สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ บริษัทประกาศปักธงสร้างโรงงานผลิตรถอีวีในสหรัฐอเมริกา
จะเห็นว่ากลยุทธ์ที่บริษัทรถเวียดนามตัดสินใจขยายการลงทุนไปตั้งโรงงานรถอีวีในประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการพลิกกลับบทบาทสวนทางอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ทั่วโลกที่เราคุ้นเคย
อย่างที่เรารับรู้กันดีว่าภูมิทัศน์อุตสาหกรรมรถยนต์ในอาเซียน ได้รับอานิสงส์จากบริษัทรถยนต์อเมริกัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ที่ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศในอาเซียนที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เช่น ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม แต่กรณีของ VinFast คือการเลือกที่จะเข้าไปลงทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ สร้างโรงงานผลิตรถอีวีที่ใช้เทคโนโลยีและเงินลงทุนสูงในอเมริกาแทน
[ แบรนด์รถเวียดนามที่ใช้กลยุทธ์เมดอินอเมริกา ]
โครงสร้างของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในอาเซียนนั้น มีประเทศไทยเป็นผู้นำของภูมิภาคนี้ในการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนเพื่อส่งออก ตามมาด้วยอินโดนีเซียที่กำลังหายใจรดต้นคอไล่ตามหลังประเทศไทยมาติดๆ
ทั้งไทยและอินโดนีเซียมีเป้าหมายคล้ายกันคือ กำลังสร้างรากฐานใหม่ ในฐานะประเทศหลักที่จะเป็นฐานการผลิตรถอีวี ให้กับแบรนด์รถยนต์ต่างประเทศ
ขณะที่ VinFast ของเวียดนาม ผู้เล่นที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดมาไม่กี่ปี เปรียบเทียบแล้วต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นสำคัญรายเดิมอย่างไทย และที่กำลังมาแรงอย่างอินโดนีเซีย นั่นทำให้ VinFast เลือกเดิมพันใหญ่ ขยับไปลงทุนในอเมริกา โดยอาศัยจังหวะที่ขณะนี้ตลาดความต้องการรถยนต์อีวี เติบโตต่อเนื่องทั่วโลก มีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทั้งจากในยุโรป อเมริกา และจีน
ข้อมูลจาก Forbes รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาคาดว่าจะแตะถึง 670,000 คันในปีนี้ เพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า และตัวเลขความต้องการนี้ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศแถบอาเซียน แม้จะมีความสนใจมากขึ้นจากสถานการณ์น้ำมันแพง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่สนใจรถอีวีมากขึ้น แต่ภาพรวมตลาดฟากนี้ ยังมีความต้องการรถอีวีน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับในฝั่งอเมริกาและยุโรปที่มีผู้บริโภคพร้อมควักเงินซื้อรถอีวีมาใช้ จึงประเมินว่าบทบาทของอุตสาหกรรมรถยนต์อีวีในภูมิภาคอาเซียนจึงยังอยู่ในฐานะ ‘ผู้ส่งออก’ เป็นหลักมากกว่าเป็นตลาดใช้งานภายในประเทศ
VinFast แบรนด์รถแห่งชาติเวียดนามประเมินเกมส่งออกจากฝั่งอาเซียนสู้ไทยและอินโดนีเซียไม่ทัน และความต้องการซื้อรถอีวีใช้งานของคนเวียดนามก็ยังไม่เติบโตมากนัก จึงตัดสินใจขยายฐานการผลิตไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อเจาะตลาดที่กำลังเติบโตได้โดยตรง รวมทั้งการลงทุนนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นบทบาทของเวียดนามบนเวทีเศรษฐกิจโลก ที่เปิดให้โลกเห็นว่า เวียดนามสามารถยกระดับโครงสร้างการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่การขยายการลงทุนและการผลิตที่เน้นเทคโนโลยีในประเทศที่มีรายได้สูงอย่างสหรัฐอเมริกา
ดังนั้นกลยุทธ์ของ VinFast คือการเจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขายในสหรัฐ ด้วยโมเดลธุรกิจขายรถ และคิดค่าเช่าแบตเตอรี่รายเดือนแยกต่างหาก
บริษัทประเมินการลงทุนว่าการไปตั้งโรงงานผลิตในนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ จะได้เปรียบมากกว่าที่จะวางบทบาทตัวเองเพียงแค่เป็นฐานการผลิตในเวียดนามและส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียน-เอเชียแปซิฟิกที่ตลาดนี้มีประเทศไทยครองอยู่แล้ว ตามด้วยคู่แข่งที่ตีคู่ขึ้นมาอย่างอินโดนีเซีย
ถือเป็นการเดิมพันท้าทายของแบรนด์รถเวียดนาม เพราะตลาดสหรัฐแม้จะมีกำลังซื้อแต่ก็มีการแข่งขันสูง ที่สำคัญจุดที่ยากคือการควบคุมต้นทุนการผลิตในสหรัฐอเมริกา

The VF-8 electric vehicle from VinFast, a Vietnamese automaker producing electric cars and SUV’s, is on display at their showroom in Santa Monica, California, on July 18, 2022. – VinFast opened six California showrooms last week, including a new dealership in Santa Monica, with showrooms in San Diego, San Mateo, Berkeley, and Corte Madera as well a groundbreaking for their first North American factory that will be held later this year in North Carolina. (Photo by Frederic J. BROWN / AFP)
[ แบรนด์รถอีวีเวียดนามในอเมริกาจะแจ้งเกิดไปรอดหรือไม่ ]
ที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นว่าแม้แต่บริษัทรถยนต์อีวีสัญชาติอเมริกันเองก็ยังไม่ราบรื่น เช่น กรณีของ Fisker Automotive บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฮบริดและรถอีวีที่ถูกฟ้องล้มละลาย บริษัท Coda Holdings ที่มียอดขายรถยนต์อีวีไม่เติบโตนัก หรือบริษัทสตาร์ทอัพดาวรุ่งอย่าง Faraday Future ก็ยังต้องขายที่ดินที่จะใช้สร้างโรงงานในรัฐเนวาด้า
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า โดยปกติผู้ผลิตรถยนต์จะใช้เวลาสร้างฐานธุรกิจในตลาดบ้านเกิดก่อนที่จะขยายไปโตในสหรัฐอเมริกา แต่ VinFast คิดแบบเร่งสปีดจาก 0 ถึง 100 ในเวลานาโนวินาที ในฐานะบริษัทใหม่ที่พยายามจะเข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์อีวี ซึ่งก็ต้องเจอความท้าทายจากผู้บริโภคที่จะสนใจซื้อรถแบรนด์ใหม่ที่ยังมีคนไม่รู้จักอยู่มากจากประเทศที่ไม่เคยมีชื่อในการผลิตรถยนต์มาก่อน
แต่ข้อได้เปรียบของ VinFast คืออยู่ใต้ปีกของกลุ่ม Vingroup กลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในเวียดนามและมีบทบาทสูงต่อเศรษฐกิจเวียดนาม เครือข่ายธุรกิจของ Vingroup คิดเป็น 2.2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีทั้งหมดในประเทศเวียดนาม
โดยเมื่อดูแผนการใหญ่ของ VinFast ที่ตั้งใจจะขายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ตัวเองในสหรัฐอเมริกาให้ได้ด้วยการตั้งโรงงานผลิตรถอีวีในอเมริกา 150,000 คันต่อปี โดยมีการวางแผนเสนอขายหุ้น IPO นำบริษัทเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กเพื่อระดมทุน ท่ามกลางการวิเคราะห์ว่าเป็นความพยายามในช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน และดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีคำเตือนจากนักลงทุนเกี่ยวกับชื่อเสียงของ VinFast ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
ความกังวลนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่า VinFast จะระดมทุน IPO ได้ตามเป้าหรือไม่ แต่เป็นการให้มุมมองว่า การประเมินมูลค่าของบริษัทตรงตามความคาดหวังของนักลงทุนหรือไม่ อีกทั้งยังมีรายงานข่าวจากบริษัทแม่ Vingroup ที่ว่า การเสนอขายหุ้น IPO มูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐของ VinFast ในตลาดหุ้นนิวยอร์กอาจขยับช้าไปจนถึงปี 2023 เนื่องจากความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นในอเมริกาขณะนี้
นอกจากนี้เช่นเดียวกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อื่น ๆ ที่เผชิญผลกระทบเดียวกันจากปัญหาการขาดแคลนชิป มาจากสถานการณ์การล็อคดาวน์ซีโร่โควิดในจีนทำให้โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ในจีนต้องปิดตัวชั่วคราว
จากเหตุผลทั้งหมดส่งผลให้การลงทุนของ VinFast ในอเมริกาล่าช้าออกไป แต่ประธาน Vingroup แจ้งต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี ให้ความเชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้น IPO ในสหรัฐจะเกิดขึ้นในที่สุดไม่ว่าตลาดจะมีความไม่แน่นอนเพียงใด
โดย VinFast ประเมินว่าหลังจากทุกอย่างลงตัวงานก่อสร้างโรงงานจะเริ่มทันทีที่บริษัทได้รับใบอนุญาต โดยจะเริ่มผลิตรถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่น VF8 และ VF9 ก่อน
โดยรถ รุ่น VF8 เป็นรถอเนกประสงค์ SUV แบบ 5 ที่นั่ง ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 402 แรงม้า วิ่งได้ไกลสูงสุด 508 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ราคาเริ่มต้นที่ 40,700 ดอลลาร์
วางตำแหน่งคู่แข่ง Tesla Model Y ที่มีราคาเริ่มต้น 65,990 ดอลลาร์
รถเอสยูวี รุ่น VF9 เป็นรถ SUV 3 แถว 6-7 ที่นั่ง ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเท่ากับ VF8 แต่ใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า ทำให้วิ่งได้ไกลสูงสุดเพิ่มเป็น 679 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ราคาเริ่มต้นที่ 55,500 ดอลลาร์
วางตำแหน่งคู่แข่ง Tesla Model X ที่มีราคาเริ่มต้น 120,990 ดอลลาร์
ทั้งนี้ราคาจำหน่ายในอเมริกาของ VinFast ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการ ‘เช่าแบตเตอรี่ไฟฟ้า’ ซึ่งอย่างน้อยมีราคาเริ่มต้นขั้นต่ำที่ 100 ดอลลาร์ต่อเดือน
จากนี้ต้องจับตาบทบาทในตลาดรถยนต์อีวีของแบรนด์รถยนต์แห่งชาติของเวียดนามที่ต้องการไปแข่งขันระดับโลก แปะป้ายรถเวียดนามเมดอินอเมริกา
ถือเป็นกลยุทธ์คิดใหญ่ของ ‘ฝ่าม เญิ้ต เวือง’ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของเวียดนาม จากพ่อค้าทำธุรกิจขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกในประเทศยูเครน เมื่อ 30 ปีก่อนจนร่ำรวย วันนี้ชายคนเดียวกันนี้ต้องการสร้างธุรกิจรถอีวีสัญชาติเวียดนามขายให้คนอเมริกันขับ
อ้างอิง
https://thediplomat.com/2022/07/why-is-vietnams-vinfast-building-an-ev-factory-in-the-united-states/
https://www.reuters.com/business/autos-transportation/vinfast-could-eventually-offer-an-electric-pickup-executive-2022-06-23/
https://www.reuters.com/business/autos-transportation/vietnams-vinfast-ipo-may-be-pushed-back-2023-market-uncertainty-exec-2022-05-11/
https://www.cnbc.com/2022/07/28/how-an-unknown-vietnamese-carmaker-is-trying-to-beat-tesla-in-the-us.html#:~:text=How%20an%20unknown%20Vietnamese%20carmaker%20is%20trying%20to%20beat%20Tesla%20in%20the%20U.S.,-Published%20Thu%2C%20Jul&text=Vietnam’s%20VinFast%20EV%20brand%20is,and%20taking%20on%20the%20U.S.&text=An%20unknown%20automaker%2C%20VinFast%2C%20which,take%20on%20giants%20like%20Tesla.










