เป็นประจำทุกปีที่นิตยสารระดับโลกอย่าง Time จะประกาศรายชื่อผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘บุคคลแห่งปี’ ของนิตยสาร
ซึ่งในปี 2021 นี้ นิตสาร Time ได้ประกาศให้ซีอีโอ Tesla และ SpaceX อย่าง ‘อีลอน มัสก์’ เป็นบุคคลแห่งปีประจำปีนี้
“บุคคลแห่งปีเป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงอิทธิพล และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก และอาจรวมถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลกได้มากกว่ามัสก์” เอ็ดเวิร์ด เฟลเซนธาล editor-in-chief ของนิตยสาร Time ระบุ ก่อนจะบอกอีกว่า
“ในปี 2021 มัสก์ไม่เพียงแต่กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ยังเป็นตัวอย่างของคนที่รวยที่สุดที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับสังคมของเราด้วย”
ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้วการกำหนดบุคคลแห่งปีของนิตยสาร Time จะมอบให้กับบุคคลหรือกลุ่มคน หรือแม้กระทั่งสิ่งไม่มีชีวิตที่มีอิทธิพลในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
โดยนิตยสาร Time เริ่มประกาศบุคคลแห่งปีเป็นครั้งแรกในปี 1927 ซึ่งปีนั้นคนที่ได้บุคคลแห่งปี ได้แก่ ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก ซึ่งเป็นชายคนแรกที่บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกคนเดียวได้สำเร็จ
ส่วนปีนี้ก็อย่างที่เราเห็นกัน คือ ผู้ประกอบการที่เห็นโอกาสในธุรกิจอวกาศอย่างมัสก์นั่นเอง
แต่ที่ยังน่าสงสัยก็คือ แล้วทำไมนิตยสาร Time ถึงเลือก ‘อีลอน มัสก์’ ให้เป็นบุคคลแห่งปี TODAY Bizview ชวนไปหาคำตอบกัน
-หลักๆ แล้ว นิตยสาร Time ให้เหตุผลถึงการประกาศว่า ‘มัสก์’ เป็นบุคคลแห่งปีว่า ‘มัสก์’ นั้นสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และอวกาศ
จนทรัพย์สินของมัสก์ในปีนี้ทะลุ 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปแล้ว ในขณะที่ Tesla เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทในโลกที่มีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านเหรียญ
-นิตยสาร Time ยังให้เครดิตกับมัสก์ว่าเขานั้นพยายามสร้างตลาด EV เพียงลำพัง และยังมองเห็นดีมานด์ในเรื่องขนส่งพลังงานสะอาด ก่อนที่คนอื่นจะนำเรื่องนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก
-เพราะหากลองย้อนดู หลังจากที่ Tesla เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นเวลา 10 ปี รัฐบาลสหรัฐฯ ก็เพิ่งให้ความสำคัญต่อรถยนต์ไฟฟ้าในยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน นี่เอง
-นอกจากนี้คือ คู่แข่งอย่างกลุ่มค่ายรถยนต์ที่มีอายุมากกว่าต่างก็พยายามออกแบบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองเพื่อให้ทันกับ Tesla
-ตัดภาพมาดูอีกธุรกิจของมัสก์อย่าง SpaceX ก็ตั้งเป้าว่าจะนำยานอวกาศลงจอดบนดาวอังคาร ซึ่งเขาบอกกับนิตสาร Time ว่าสิ่งนี้จะ “ช่วยให้มนุษยชาติกลายเป็นอารยธรรมอวกาศ”
-นอกจากนี้ SpaceX ยังเป็นบริษัทเอกชนที่กำลังสร้างยานอวกาศให้กับหน่วยงานที่ส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เมื่อ 50 ปีก่อนอย่าง NASA อีกด้วย
-เรียกง่ายๆ ว่าเรื่องการสำรวจอวกาศที่รัฐบาลเคยเป็นหัวหอก ตอนนี้ภารกิจดังกล่าวกลับกลายเป็นของบริษัทเอกชนอย่าง SpaceX ของมัสก์ และ Blue Origin ของเจฟฟ์ เบซอส แล้ว
-ทำให้นิตยสาร Time มองว่า อีลอน มัสก์ เป็นตัวแทนของ “ความเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่องของสถาบันแบบดั้งเดิม เพื่อประโยชน์ของปัจเจกบุคคล” นั่นเอง
-มัสก์ยังมีความทะเยอทะยานอย่างยิ่งต่อโลกอนาคต เขาเคยบอกว่า สังคมในอุดมคติจะเป็นสังคมที่มีหุ่นยนต์เป็นแรงงาน และแรงงานของมนุษย์ต้องไม่ถูกนำไปใช้ผลิตสินค้าหรือบริการใดๆ
-เขาเคยบอกว่า “ไม่จำเป็นต้องมีใครมาเป็นเจ้านายของคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแนะนำให้เกิดความโกลาหล แต่คุณไม่ได้อยู่ภายใต้การชี้นิ้วสั่งของใคร ดังนั้น คุณมีอิสระจะทำในสิ่งที่คุณต้องการทำ แต่สิ่งนั้นต้องไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น”
[ แต่ถึงอย่างนั้น บางครั้งมัสก์ก็ทำให้ตัวเองมีปัญหา ]
นิตยสาร Time หมายเหตุไว้ในบทความว่าความทะเยอทะยานในจักรวาลดังกล่าวของมัสก์ไม่ค่อยเกิดขึ้นโดยไม่มีผลกระทบ และมัสก์ยังคงต้องตอบคำถามกับผู้มีอำนาจในโลกอีกมากมายหลายคน
ซึ่งที่ผ่านมา บ่อยครั้งเขาเองก็มีประเด็นกับหน่วยงานกำกับดูแล ศาล หรือแม้แต่คนทั่วไปอยู่พอสมควร
โดยเขามีปัญหากับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.สหรัฐฯ หลายครั้ง
อย่างล่าสุด ก.ล.ต.ก็ระบุว่ากำลังตรวจสอบ Tesla หลังมีผู้ร้องเรียนว่าบริษัทไม่ได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นและสาธารณชนทราบถึงความเสี่ยงไฟไหม้ที่เกี่ยวข้องกับแผงโซลาร์เซลล์ของบริษัท
ขณะที่ในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา คณะลูกขุนของรัฐบาลกลางในซานฟรานซิสโก สั่งให้ Tesla จ่ายเงิน 137 ล้านเหรียญ จากเหตุการณ์อดีตผู้รับเหมาผิวดำรายหนึ่งร้องเรียนว่าเขาถูกเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในที่ทำงาน
หนึ่งเดือนต่อมา พนักงาน Tesla ก็ยื่นฟ้องต่อศาลเรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศในสถานที่ทำงาน แต่ดูเหมือนว่ากรณีข่าวลบๆ เหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาหยุดทวีตเรื่องตลกเกี่ยวกับเพศบนโซเชียลมีเดีย
อ้างอิง https://qz.com/2101830/why-time-chose-elon-musk-as-its-person-of-the-year/










